วิจัยชี้ เดินวันละ 3,000 ก้าว อาจช่วยชะลอสมองเสื่อมจากอัลไซเมอร์ได้

ข่าวดีสำหรับคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายหนัก ๆ เพราะงานวิจัยล่าสุดจาก Harvard University นำโดย Wai-Ying Wendy Yau ชี้ว่า การเดินเบา ๆ เพียงวันละ 3,000 ก้าว ก็อาจเพียงพอที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของสมองในผู้สูงอายุที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรค Alzheimer ได้แล้ว

ทีมวิจัยได้ติดตามกลุ่มตัวอย่างสุขภาพดีจำนวน 296 คน อายุระหว่าง 50-90 ปี โดยให้ทุกคนติดอุปกรณ์นับก้าวเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ พร้อมทั้งสแกนสมองเพื่อวัดระดับโปรตีนผิดปกติที่ชื่อว่า tau และ beta-amyloid ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรค Alzheimer จากนั้นติดตามผลและทดสอบความสามารถทางปัญญาทุกปี เป็นระยะเวลานานถึง 14 ปี

ผลลัพธ์ที่น่าสนใจคือ ในกลุ่มผู้ที่มีโปรตีน beta-amyloid ในสมองสูงกว่าค่าเฉลี่ย การเดินระหว่าง 3,000-5,000 ก้าวต่อวัน ดูเหมือนจะช่วยชะลอการสะสมของโปรตีน tau ได้อย่างมีนัยสำคัญ และยังส่งผลให้ความเสื่อมถอยทางความคิดช้าลงถึง 40% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่เดินน้อยกว่า 3,000 ก้าวต่อวัน ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ หากเดินเพิ่มขึ้นเป็น 5,000-7,500 ก้าวต่อวัน จะยิ่งช่วยชะลอความเสื่อมได้ถึง 54% แต่การเดินมากกว่านี้กลับไม่พบประโยชน์เพิ่มเติมแต่อย่างใด เหมือนจะมีจุดที่พอดีของมันอยู่

แม้ว่างานวิจัยจะไม่ได้ฟันธงถึงกลไกที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าการออกกำลังกายเป็นประจำอาจช่วยลดการอักเสบในสมอง ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการสะสมของโปรตีนผิดปกติเหล่านี้ หรืออาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและฮอร์โมนที่เป็นประโยชน์ต่อสมอง

อย่างไรก็ตาม Charles Marshall จาก Queen Mary University of London ให้ความเห็นว่า งานวิจัยนี้ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าการเดินเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้สมองเสื่อมช้าลง เพราะอาจมีปัจจัยอื่น ๆ แฝงอยู่ เช่น ผู้ที่มีปัญหาทางความคิดอยู่แล้วอาจมีแรงจูงใจในการออกกำลังกายน้อยลง แต่เขาก็ย้ำว่าสิ่งสำคัญกว่าการตั้งเป้าหมายจำนวนก้าวที่ตายตัว คือการทำกิจกรรมทางกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องหนักหน่วง แค่ขอให้ทำเป็นประจำก็พอ

ถึงแม้จะยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผล แต่การลุกขึ้นมาเดินก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แถมยังทำได้ฟรีและแทบไม่มีผลข้างเคียง รู้อย่างนี้แล้ว...จะรออะไรอยู่ล่ะ