ข้ามไปยังเนื้อหา

ผลวิจัยชี้ วัคซีน mRNA COVID-19 อาจช่วยยืดชีวิตผู้ป่วยมะเร็ง

สุขภาพ
1 ครั้ง
0 ความเห็น
1 นาที
ผลวิจัยชี้ วัคซีน mRNA COVID-19 อาจช่วยยืดชีวิตผู้ป่วยมะเร็ง
Photo by Maksim Goncharenok on Pexels
By Suphansa Makpayab
TL;DR

งานวิจัยใหม่พบความเชื่อมโยงที่น่าทึ่งว่า วัคซีน mRNA COVID-19 อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยา Immunotherapy (ภูมิคุ้มกันบำบัด) ในผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังและมะเร็งปอดระยะลุกลาม ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนในช่วงเวลาเดียวกัน

เหมือนเป็นโบนัสที่ไม่คาดคิด เมื่อผลการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยเกือบ 1,000 คนที่กำลังรักษามะเร็งผิวหนังและมะเร็งปอดระยะลุกลาม พบว่าวัคซีน mRNA COVID-19 อาจมีส่วนช่วยยืดชีวิตพวกเขาได้ โดยผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนภายใน 100 วันหลังเริ่มใช้ยาในกลุ่ม Immune Checkpoint Inhibitors จะมีชีวิตอยู่ได้นานกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนเกือบสองเท่า

เบื้องหลังเรื่องนี้คือปกติแล้วระบบภูมิคุ้มกันของเราสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ แต่เนื้องอกบางชนิดก็ฉลาดพอที่จะพัฒนากลไกมา 'ปิดสวิตช์' การทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันอย่าง T-cells ที่มีหน้าที่ฆ่าเซลล์มะเร็ง โดยอาศัยโปรตีนที่ชื่อว่า PD-1 เป็นเหมือนสวิตช์ปิด ซึ่งยา Immune Checkpoint Inhibitors จะเข้าไปขัดขวางไม่ให้เนื้องอกมาปิดสวิตช์นี้ได้ ทำให้ T-cells กลับมาทำงานอีกครั้ง

ที่น่าสนใจคือ ยาจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อระบบภูมิคุ้มกันเริ่มส่ง T-cells ไปต่อสู้กับเนื้องอกแล้ว และตรงนี้เองที่วัคซีน mRNA เข้ามามีบทบาท จากการศึกษาในหนูทดลองโดยทีมของ Elias Sayour จาก University of Florida พบว่าวัคซีน mRNA ทำหน้าที่เหมือน 'ไซเรน' ที่ปลุกระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดให้ตื่นตัว ทำให้ T-cells เคลื่อนตัวไปกระตุ้นเซลล์อื่น ๆ ให้มาร่วมกันโจมตีเป้าหมาย ซึ่งเป็นการเสริมทัพให้ยา Checkpoint Inhibitors ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เมื่อดูข้อมูลจริงจากผู้ป่วยที่ MD Anderson Cancer Center ก็พบผลลัพธ์ที่สอดคล้องกัน

  • ผู้ป่วยมะเร็งปอด: กลุ่มที่ได้รับวัคซีนมีชีวิตอยู่รอดเฉลี่ย 37 เดือน เทียบกับ 20 เดือนในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน

  • ผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง (Melanoma): กลุ่มที่ได้รับวัคซีนมีชีวิตอยู่รอดเฉลี่ย 30-40 เดือน เทียบกับ 27 เดือนในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน

อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยย้ำว่านี่เป็นเพียงการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังและยังไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะต้องมีการยืนยันผลผ่านการทดลองทางคลินิก (Clinical Trial) ที่กำลังจะเริ่มขึ้นเร็ว ๆ นี้ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งแสงสว่างที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของเทคโนโลยี mRNA ที่อาจพลิกโฉมวงการแพทย์ได้อีกครั้ง

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้