ข้ามไปยังเนื้อหา

หมอจริง vs. หมอทิพย์: เมื่อคนเชื่อ Influencer มากกว่าแพทย์

สุขภาพ
1 ครั้ง
0 ความเห็น
1 นาที
หมอจริง vs. หมอทิพย์: เมื่อคนเชื่อ Influencer มากกว่าแพทย์
Photo by SHVETS production on Pexels
By Suphansa Makpayab
TL;DR

CNET พาไปเจาะลึกเบื้องหลังโลก Wellness ที่สวยหรูแต่แฝงพิษภัย ว่าทำไมคนถึงหันไปหาข้อมูลสุขภาพจาก Influencer บนโซเชียลมีเดียแทนที่จะไปหาหมอ ซึ่งนำไปสู่การแพร่กระจายของข้อมูลผิดๆ ที่อันตรายถึงชีวิต

เคยไหมที่รู้สึกว่าการหาหมอสักคนมันช่างยากเย็นแสนเข็ญ? CNET ได้ตีแผ่ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ เมื่อผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่กว่า 100 ล้านคนเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานได้ยาก กำลังหันหลังให้ห้องตรวจสี่เหลี่ยมสีขาวปลอดเชื้อ แล้วหันไปซบหน้าจอโทรศัพท์ที่เต็มไปด้วย Wellness Influencer ที่มาพร้อมรอยยิ้มและคำตอบสำเร็จรูปสำหรับทุกปัญหาสุขภาพ ตั้งแต่ผิวใส ผมยาว ไปจนถึงการมีอายุยืนยาว

ความน่าสนใจมันอยู่ตรงนี้ ในขณะที่การนัดหมอแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความยุ่งยากและรอนาน แต่โลกออนไลน์กลับเสิร์ฟข้อมูลสุขภาพให้ถึงที่อย่างง่ายดายและน่าดึงดูดใจ Dr. Mike Varshavski แพทย์ตัวจริงที่มีผู้ติดตามกว่า 29 ล้านคน ชี้ว่าปัจจัยหลายอย่างทำให้ระบบสาธารณสุขตามผู้คนไม่ทัน ทั้งคลินิกที่ทยอยปิดตัว อัตราการจ่ายเงินของบริษัทประกันที่ลดลง และภาระงานที่หนักอึ้งของแพทย์ ทำให้คนเริ่มเสื่อมศรัทธา ประกอบกับความไม่ไว้วางใจในสถาบันการแพทย์และบริษัทยาที่มีมานาน ยิ่งทำให้ Influencer กลายเป็นที่พึ่งใหม่ที่ดูเข้าถึงง่ายและน่าเชื่อถือกว่า

เหล่า Influencer ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “สาม A” คือ Authenticity (ความจริงใจ) Accessibility (การเข้าถึงง่าย) และ Autonomy (การให้อำนาจตัดสินใจ) พวกเขาสร้างความสัมพันธ์กึ่งเสมือนจริง (Parasocial Relationship) กับผู้ติดตาม ทำให้คนรู้สึกเหมือนได้คุยกับเพื่อนที่เข้าใจ แถมยังใช้เทคนิคการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม ทั้งภาพสวย เพลงเพราะ และการตัดต่อที่ดึงดูดใจ Andrew Pattison จากองค์การอนามัยโลก (WHO) ถึงกับบอกว่า “การสร้างข้อมูลเท็จใช้เวลาไม่กี่นาที แต่การแก้ข่าวลวงอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์”

แต่เบื้องหลังความสวยงามนั้นกลับซ่อนอันตรายที่หลายคนคาดไม่ถึง เพราะข้อมูลที่ได้มาง่ายๆ อาจไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้องเสมอไป และบางครั้งก็นำไปสู่โศกนาฏกรรม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ:

  • Belle Gibson: Influencer ชาวออสเตรเลียที่โกหกว่าป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและรักษาตัวเองด้วยอาหารคลีน จนสร้างรายได้มหาศาลจากแอปและหนังสือ ก่อนจะถูกจับได้ในภายหลัง

  • Liver King: โปรโมตไลฟ์สไตล์ย้อนยุคด้วยการกินเครื่องในดิบเพื่อสร้างกล้าม แต่สุดท้ายก็มีอีเมลหลุดว่าเขาใช้สเตียรอยด์และฮอร์โมน

  • Paloma Shemirani: เสียชีวิตในวัย 23 ปีจากเนื้องอกที่ไม่ได้รับการรักษา เพราะปฏิเสธเคมีบำบัดตามคำแนะนำของแม่ตัวเองซึ่งเป็น Influencer สายต่อต้านวัคซีนและทฤษฎีสมคบคิด

แน่นอนว่าฝั่งแพทย์และผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเขาเริ่มลุกขึ้นมาสู้ในเกมเดียวกัน โดยใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องในรูปแบบที่สนุกและเข้าถึงง่าย เช่น Dr. Mike ที่ใช้ความตลกและความบันเทิงนำก่อนสอดแทรกความรู้ทางการแพทย์ หรือเครือข่าย Fides ของ WHO ที่รวมตัวผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพกว่า 1,200 คน เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่น่าเชื่อถือมาต่อสู้กับข้อมูลลวงโลก ขณะที่ YouTube ก็มี YouTube Health ที่ติดป้ายบอกแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากแพทย์และสถาบันต่างๆ

ท้ายที่สุดแล้ว ภาระหนักก็ตกอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ ที่ต้องหูตาไวและคิดวิเคราะห์มากขึ้นก่อนจะเชื่อหรือแชร์อะไรบนโลกออนไลน์ เพราะในวันที่การเข้าถึงหมอตัวจริงยังเป็นเรื่องยาก การดูแลสุขภาพก็ยังต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ไม่ใช่แค่คนที่ดูเชี่ยวชาญอยู่หน้ากล้อง

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้