วิจัยชี้ ปากาลดน้ำหนักหยุดใช้เมื่อไหร่ โยโย่ถามหา

กระแสความนิยมของยาลดน้ำหนักกลุ่ม GLP-1 ยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะตัวช่วยมหัศจรรย์ในการกดตัวเลขบนตาชั่ง แต่ล่าสุดเริ่มมีสัญญาณเตือนจากวงการแพทย์ว่า "ทางลง" ของการใช้ยาประเภทนี้อาจไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด เมื่อผลการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ใน JAMA Internal Medicine ชี้ให้เห็นความเสี่ยงของการหยุดยาที่อาจทำให้ความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า

การทดลองดังกล่าวติดตามผลในกลุ่มผู้ใช้ยา Tirzepatide (สารสำคัญในยาแบรนด์ Zepbound ของ Eli Lilly) โดยแบ่งกลุ่มผู้ที่ลดน้ำหนักได้สำเร็จให้หยุดยาและเปลี่ยนไปใช้ยาหลอก (Placebo) ผลปรากฏว่ากว่า 82% ของผู้ที่หยุดยา กลับมามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 25% ของน้ำหนักที่ลดไปได้ ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ตัวชี้วัดสุขภาพอื่นๆ ทั้งความดันโลหิต คอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลสะสม (HbA1c) ก็ดีดกลับไปสู่จุดที่น่าเป็นห่วงเหมือนตอนก่อนเริ่มยา

ประเด็นนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญจาก University of Pittsburgh เสนอแนวคิดที่น่าสนใจว่า เราอาจต้อง Rebrand ยาเหล่านี้ใหม่ จาก "ยาลดน้ำหนัก" (Weight Loss) ให้กลายเป็น "ยาควบคุมน้ำหนัก" (Weight Management) แทน เพราะโรคอ้วนควรถูกมองเป็นโรคเรื้อรังเฉกเช่นเดียวกับโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งคนไข้จำเป็นต้องทานยาควบคุมอาการไปตลอดชีวิต ไม่ใช่ทานจนหายแล้วหยุดยาได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังเล็กๆ เมื่อข้อมูลระบุว่ามีผู้เข้าร่วมทดลองราว 17.5% ที่หยุดยาแล้วน้ำหนักไม่เด้งกลับ หรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่นักวิจัยก็ยังคงมึนงงและหาคำตอบไม่ได้ว่าคนกลุ่มนี้มีปัจจัยทางชีวภาพอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อไป

สรุปแล้ว งานวิจัยชิ้นนี้เหมือนเป็นการสะกิดเตือนแรงๆ ว่า ใครที่กำลังคิดจะเข้าวงการ GLP-1 อาจต้องเตรียมใจและเตรียมงบประมาณสำหรับการใช้งานระยะยาว เพราะนี่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทางลัดที่เดินรอบเดียวจบ แต่มันคือการสมัครสมาชิกดูแลสุขภาพแบบรายเดือน (Subscription Model) ที่กดยกเลิกยากกว่าสมาชิกฟิตเนสเสียอีก