ข้ามไปยังเนื้อหา

วิจัยเผยสมองมนุษย์มี ‘จุดเปลี่ยน’ โครงสร้าง 4 ช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กยันแก่

สุขภาพ
2 ครั้ง
0 ความเห็น
3 นาที
วิจัยเผยสมองมนุษย์มี ‘จุดเปลี่ยน’ โครงสร้าง 4 ช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กยันแก่
Photo by KATRIN BOLOVTSOVA on Pexels
By Suphansa Makpayab
TL;DR

นักวิจัยจาก Cambridge พบว่าสมองมนุษย์ไม่ได้แก่ลงแบบเส้นตรง แต่มีจุดเปลี่ยนโครงสร้างสำคัญ 4 ครั้งที่อายุ 9, 32, 66 และ 83 ปี ซึ่งสัมพันธ์กับพัฒนาการ การเรียนรู้ และความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม

ร่างกายคนเรามีความเปลี่ยนแปลงตามช่วงวัยเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับ "สมอง" นั้นมีความซับซ้อนกว่าที่คิด ล่าสุดทีมนักวิจัยนำโดย Alexa Mousley จาก University of Cambridge ได้ค้นพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ระบบการเดินสายไฟในสมอง (Brain wiring) ของมนุษย์เรามี "จุดเปลี่ยน" ครั้งสำคัญถึง 4 ช่วงอายุ คือ 9, 32, 66 และ 83 ปี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการเรียนรู้และความเสี่ยงต่อโรคทางระบบประสาท

งานวิจัยนี้ได้ทำการวิเคราะห์ภาพสแกน MRI ของผู้คนกว่า 3,800 รายใน UK และ US ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงวัย 90 ปี จนพบ Pattern การเปลี่ยนแปลงของสมองที่แบ่งออกเป็น 5 เฟสหลัก ๆ โดยมีจุดเปลี่ยนสำคัญดังนี้:

  • ช่วง 0-9 ปี: สมองจะเน้นสร้างเครือข่ายการเชื่อมต่อที่กว้างขวางและซับซ้อนเพื่อรองรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แม้จะยังทำงานได้ไม่รวดเร็วเต็มประสิทธิภาพนัก

  • ช่วง 9-32 ปี: เป็นช่วงที่เข้าสู่วัยรุ่น ฮอร์โมนจะเข้ามาจัดระเบียบให้การเชื่อมต่อสั้นลงและเร็วขึ้น (Efficient) ทำให้ทักษะการวางแผนและการตัดสินใจดีขึ้นอย่างชัดเจน

  • ช่วง 32-66 ปี: เป็นเฟสที่ยาวนานที่สุด สมองเริ่มนิ่ง แต่ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อจะค่อย ๆ ลดลงตามธรรมชาติ หรืออาจเกิดจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป

  • ช่วง 66-83 ปี: การเชื่อมต่อระยะไกลในสมองเริ่มแย่ลง สมองจะหันไปรักษาการเชื่อมต่อในพื้นที่ใกล้เคียงกันแทน ซึ่งช่วงนี้สัมพันธ์กับความเสี่ยง Dementia (ภาวะสมองเสื่อม) ที่เพิ่มขึ้น

  • ช่วง 83-90 ปี: สมองเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน โดยลดการเชื่อมต่อที่ไม่จำเป็นและหันไปพึ่งพาจุดเชื่อมต่อหลัก (Hubs) เพื่อประคองการทำงานให้คงอยู่

การค้นพบนี้ช่วยอธิบายได้ว่าทำไมปัญหาสุขภาพจิตมักเริ่มแสดงอาการก่อนอายุ 25 ปี หรือทำไมโรคสมองเสื่อมถึงมักมาเยือนหลังอายุ 65 ปี ซึ่งความเข้าใจเรื่องจุดเปลี่ยนเหล่านี้อาจนำไปสู่การพัฒนาวิธีรักษาหรือป้องกันที่ตรงจุดมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยทิ้งท้ายไว้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่ยังมาจากกลุ่มคนผิวขาว คงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในกลุ่มประชากรที่หลากหลายกว่านี้เพื่อยืนยันผลที่แม่นยำที่สุด

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้