ทุบสถิติ! ชิปดีไซน์ใหม่ ‘สร้างตึก’ แทนย่อส่วน ท้าชนกฎของ Moore

นักวิจัยจาก KAUST และ University of Manchester สร้างชิปดีไซน์ใหม่ทุบสถิติโลก ด้วยการซ้อนชั้นสารกึ่งตัวนำ (Semiconductor) แนวตั้งสูงถึง 41 ชั้น เพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดของกฎของ Moore (Moore's Law) ที่การย่อขนาดชิปเริ่มถึงทางตัน
เมื่อการย่อส่วนชิปเริ่มถึงทางตัน นักวิจัยจาก King Abdullah University of Science and Technology (KAUST) ในซาอุดีอาระเบีย ก็ปิ๊งไอเดียใหม่ ด้วยการเปลี่ยนจากการทำให้เล็กลง มาเป็นการ "สร้างให้สูงขึ้น" แทน! ผลลัพธ์คือชิปดีไซน์ใหม่ที่ทุบสถิติโลก ซึ่งอาจเป็นทางออกของวงการอิเล็กทรอนิกส์ที่ยั่งยืนกว่าเดิม
ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมพยายามเพิ่มพลังการประมวลผลด้วยการอัดทรานซิสเตอร์ (Transistor) ให้เล็กลงและแน่นขึ้นตามกฎของ Moore (Moore's Law) แต่แนวทางนี้เริ่มชะลอตัวตั้งแต่ปี 2010 ทีมวิจัยนำโดย Xiaohang Li เลยหันมาสร้างชิปแบบซ้อนกันเป็นชั้นๆ ในแนวตั้งแทน โดยชิปตัวใหม่นี้มีชั้นสารกึ่งตัวนำ (Semiconductor) สองชนิดสลับกับฉนวนซ้อนกันถึง 41 ชั้น สูงกว่าชิปแนวตั้งที่เคยมีมาถึง 10 เท่า และจากการทดสอบผลิตกว่า 600 ชิ้น ก็พบว่าทำงานได้เสถียรไม่แพ้ชิปแบบดั้งเดิมเลยทีเดียว
ที่น่าสนใจคือ Thomas Anthopoulos จาก University of Manchester หนึ่งในทีมวิจัย บอกว่ากระบวนการผลิตชิปแบบนี้ใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิตชิปทั่วไป แม้เป้าหมายอาจไม่ใช่การสร้าง Supercomputer ตัวใหม่ แต่หากนำไปใช้ในอุปกรณ์ใกล้ตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะในบ้าน หรืออุปกรณ์สุขภาพสวมใส่ได้ ก็จะช่วยลด Carbon Footprint ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ลงได้มหาศาล แถมยังเพิ่มฟังก์ชันได้เรื่อยๆ แค่เพิ่มชั้นเข้าไปอีก
แต่แน่นอนว่าหนทางยังไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ Muhammad Alam จาก Purdue University ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายสำคัญ นั่นคือ "ความร้อน" เพราะยิ่งซ้อนชั้นมาก ก็ยิ่งร้อนมาก เหมือนใส่เสื้อกันหนาวหลายๆ ตัวพร้อมกัน ปัจจุบันชิปต้นแบบทนความร้อนได้สูงสุดแค่ 50°C ซึ่งยังไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานจริงนอกห้องแล็บ และควรต้องเพิ่มให้ได้อีกอย่างน้อย 30°C ถึงจะใช้งานได้จริง
ถึงจะมีปัญหาเรื่องความร้อนให้ต้องแก้ แต่ผู้เชี่ยวชาญก็มองว่าการสร้างชิปแนวตั้งคือทิศทางที่ถูกต้องและเป็นทางรอดในระยะสั้นของวงการอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนจะซ้อนได้สูงแค่ไหนนั้น ทีมวิจัยบอกว่า "ไม่มีที่สิ้นสุดหรอก เราทำต่อไปได้เรื่อยๆ มันก็ขึ้นอยู่กับหยาดเหงื่อและน้ำตาเท่านั้นแหละ"
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้