ข้ามไปยังเนื้อหา

Wegovy ดีต่อใจ ไม่ใช่แค่ลดน้ำหนัก งานวิจัยชี้ลดเสี่ยงโรคหัวใจได้โดยตรง

สุขภาพ
0 ครั้ง
0 ความเห็น
1 นาที
Wegovy ดีต่อใจ ไม่ใช่แค่ลดน้ำหนัก งานวิจัยชี้ลดเสี่ยงโรคหัวใจได้โดยตรง
Photo by Haberdoedas on Unsplash
By Suphansa Makpayab
TL;DR

งานวิจัยล่าสุดจากทีม SELECT พบว่ายา Wegovy ไม่เพียงช่วยลดน้ำหนัก แต่ยังมีคุณสมบัติปกป้องหัวใจโดยตรง ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ถึง 20% แม้ในคนไข้ที่น้ำหนักลดลงไม่มากก็ตาม

ยาลดน้ำหนักอย่าง Wegovy กำลังสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ เมื่อผลการศึกษาล่าสุดพบว่ามันช่วยลดความเสี่ยงของอาการหัวใจวายและปัญหาสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดอื่น ๆ ได้จริง โดยประโยชน์นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้จะลดน้ำหนักได้มากน้อยแค่ไหน

งานวิจัยที่ชื่อว่า SELECT ซึ่งศึกษาในกลุ่มตัวอย่างกว่า 17,604 คน ได้แสดงให้เห็นว่ายา Semaglutide (สารออกฤทธิ์ใน Wegovy และ Ozempic) สามารถลดความเสี่ยงการเกิดภาวะหัวใจวาย, สโตรก หรือภาวะหัวใจล้มเหลวรุนแรงได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับยาหลอก (Placebo) ที่น่าสนใจคือ ผลลัพธ์นี้เกิดขึ้นกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีภาวะอ้วนเล็กน้อยไปจนถึงคนที่มีภาวะอ้วนรุนแรง

John Deanfield จาก University College London หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวว่า "ข้อความสำคัญคือ ประโยชน์ของยาเหล่านี้ที่มีต่อหัวใจและหลอดเลือดของคุณ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการลดน้ำหนัก" ซึ่งเป็นการเปลี่ยนมุมมองต่อยาในกลุ่ม GLP-1 ว่าเป็นยาที่ช่วยปรับเปลี่ยนกลไกของโรคได้โดยตรง ไม่ใช่แค่ผลพลอยได้จากการมีน้ำหนักที่ลดลง

แม้ว่าปริมาณน้ำหนักที่ลดลงจะไม่มีผลโดยตรง แต่การลดลงของไขมันหน้าท้องกลับมีบทบาทสำคัญ ทีมวิจัยพบว่าการลดลงของรอบเอวทุก ๆ 5 เซนติเมตร มีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดลงประมาณ 9% ซึ่งการลดลงของรอบเอวนี้อธิบายผลการป้องกันหัวใจของยาได้ประมาณหนึ่งในสาม ส่วนที่เหลือยังคงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาต่อไป

นักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามไขปริศนาว่า Semaglutide ทำงานอย่างไร โดยมีสมมติฐานหลายอย่าง ตั้งแต่การออกฤทธิ์ต้านการอักเสบในร่างกาย, การปรับปรุงการทำงานของเยื่อบุหลอดเลือดและความดันโลหิต ไปจนถึงการออกฤทธิ์โดยตรงต่อไขมันที่เกาะอยู่รอบหัวใจ (Epicardial Adipose Tissue) ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องหัวใจ

ดูเหมือนว่ายาตัวนี้จะไม่ได้มีดีแค่เรื่องหุ่นเพรียว แต่ยังแอบดูแลหัวใจให้ด้วยแบบเงียบ ๆ งานนี้คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าอนาคตของยาในกลุ่มนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้