ข้ามไปยังเนื้อหา

AI จีนมาแรง! Kimi K2 Thinking โค่น GPT-5 ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งด้านการใช้เหตุผล

เทคโนโลยี
1 ครั้ง
0 ความเห็น
3 นาที
AI จีนมาแรง! Kimi K2 Thinking โค่น GPT-5 ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งด้านการใช้เหตุผล
By Suphansa Makpayab
TL;DR

Moonshot AI สตาร์ทอัปจากจีน ปล่อย AI โอเพนซอร์สตัวใหม่ Kimi K2 Thinking ที่ทำผลงานทดสอบด้านการใช้เหตุผลและการเขียนโค้ดได้ดีกว่าโมเดลเรือธงอย่าง GPT-5 และ Claude Sonnet 4.5 สะเทือนวงการและชี้ว่าช่องว่างระหว่าง AI ฟรีและเสียเงินกำลังจะหมดไป

สะเทือนวงการ AI อีกครั้ง เมื่อ Moonshot AI สตาร์ทอัปดาวรุ่งจากจีน ได้เปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ตัวใหม่ล่าสุดในชื่อ Kimi K2 Thinking ที่เป็นโอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ แต่กลับทำคะแนนทดสอบประสิทธิภาพในด้านสำคัญ ๆ แซงหน้าโมเดลยักษ์ใหญ่ที่ต้องเสียเงินใช้อย่าง GPT-5 ของ OpenAI ไปแบบไม่เห็นฝุ่น

Kimi K2 Thinking ได้สร้างปรากฏการณ์ด้วยการทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งในการทดสอบด้านการใช้เหตุผล (Reasoning), การเขียนโค้ด (Coding) และการใช้เครื่องมืออัตโนมัติ (Agentic-tool) โดยผลคะแนนจาก Benchmark มาตรฐานหลายตัวแสดงให้เห็นว่ามันเหนือกว่าทั้ง GPT-5, Claude Sonnet 4.5 และ Grok-4 ของ xAI ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่พิสูจน์ว่า AI โอเพนซอร์สก็สามารถแข่งขันกับระบบปิดได้สบาย ๆ

ผลการทดสอบที่น่าทึ่งของ Kimi K2 Thinking ประกอบด้วย:

  • Humanity’s Last Exam (HLE): 44.9%
  • BrowseComp (ทดสอบการค้นหาและใช้เหตุผลบนเว็บ): 60.2%
  • SWE-Bench Verified (ทดสอบการเขียนโค้ด): 71.3%
  • LiveCodeBench v6: 83.1%

ที่น่าสนใจคือ Kimi K2 Thinking เป็นโมเดลแบบ Mixture-of-Experts (MoE) ที่มีพารามิเตอร์สูงถึง 1 ล้านล้านตัว แต่เปิดใช้งานเพียง 32,000 ล้านตัวต่อการประมวลผล ทำให้มีประสิทธิภาพสูงแต่ใช้ทรัพยากรน้อยกว่าที่คิด แถมยังเปิดให้นักพัฒนาและผู้ใช้งานทั่วไปเข้าถึงได้ฟรีผ่าน API และเว็บไซต์ kimi.com รวมถึงเปิดโค้ดทั้งหมดบน Hugging Face ภายใต้เงื่อนไขไลเซนส์แบบ Modified MIT ที่อนุญาตให้ใช้ในเชิงพาณิชย์ได้เต็มที่ แต่มีข้อแม้เล็ก ๆ ว่า หากผลิตภัณฑ์ที่นำไปใช้มีผู้ใช้งานเกิน 100 ล้านคนต่อเดือน หรือสร้างรายได้เกิน US$20 ล้าน (≈ 647.6 ล้านบาท) ต่อเดือน จะต้องแสดงข้อความ 'Kimi K2' บนหน้าจอให้ผู้ใช้เห็น

การมาถึงของ Kimi K2 Thinking เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่หลายฝ่ายกำลังตั้งคำถามถึงความยั่งยืนทางการเงินของบริษัท AI ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะ OpenAI ที่มีข่าวว่าต้องการให้รัฐบาลเข้ามาค้ำประกันภาระค่าใช้จ่ายมหาศาล การที่ AI โอเพนซอร์สจากจีนสามารถทำประสิทธิภาพได้เทียบเท่าหรือดีกว่าในราคาที่ถูกกว่าหลายเท่าตัว (ค่าบริการของ Kimi K2 ถูกกว่า GPT-5 ถึงเกือบ 10 เท่า) จึงเป็นการโยนแรงกดดันมหาศาลกลับไปยังค่ายยักษ์ใหญ่ให้ต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง

งานนี้ทำให้องค์กรต่าง ๆ ต้องหันมาทบทวนว่า ทำไมถึงต้องจ่ายเงินแพง ๆ ให้กับโมเดล AI แบบปิด ในเมื่อมีทางเลือกที่เป็นโอเพนซอร์สที่ทรงพลังและควบคุมได้มากกว่ารออยู่ตรงหน้า ดูเหมือนว่าสมรภูมิ AI กำลังเปลี่ยนจากคำถามที่ว่า 'ใครทรงพลังที่สุด' ไปเป็น 'ใครจะยืนระยะได้นานที่สุด' แทนซะแล้ว


*หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 29 ต.ค. 2025 คือ US$1 = 32.38 บาท

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้