ข้ามไปยังเนื้อหา

อุตสาหกรรม AI ขับเคลื่อนด้วยความกลัวตกรถ?

เทคโนโลยี
2 ครั้ง
0 ความเห็น
3 นาที
อุตสาหกรรม AI ขับเคลื่อนด้วยความกลัวตกรถ?
By Suphansa Makpayab
TL;DR

เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Amazon, Google, Microsoft และ Meta กำลังเทเงินลงทุนใน AI รวมกันกว่า 11 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า โดยขับเคลื่อนจากความกลัวตกรถ (FOMO) แม้ผลตอบแทนจะยังคลุมเครือ จนนักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงภาวะฟองสบู่ที่อาจเกิดขึ้น

ดูเหมือนว่าอุตสาหกรรม AI ตอนนี้จะขับเคลื่อนด้วยอาการกลัวตกรถ หรือ FOMO (Fear Of Missing Out) อย่างเต็มรูปแบบ เมื่อบรรดา Big Tech อย่าง Amazon, Google, Microsoft และ Meta ประกาศตัวเลขการลงทุน Capital Expenditures (การลงทุนระยะยาวเพื่ออนาคต) ในปีนี้รวมกันทะลุ US$350,000 ล้าน (≈ 11.33 ล้านล้านบาท) และพร้อมใจกันส่งสัญญาณว่าจะอัดฉีดเงินเพิ่มขึ้นอีกมหาศาลในปีหน้า

Joe Fath จาก Eclipse VC ประเมินว่าตัวเลขการลงทุนของ 4 บริษัทนี้อาจพุ่งเกิน US$400,000 ล้าน (≈ 12.95 ล้านล้านบาท) ในปีหน้า แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนมหาศาลนี้กลับยังดูคลุมเครือ ในขณะที่บริษัท AI แท้ๆ อย่าง OpenAI ก็กำลังเผาเงินเป็นว่าเล่น แม้จะมีรายได้ต่อปีสูงถึง US$12,000 ล้าน (≈ 3.88 แสนล้านบาท) แต่ก็มีรายงานว่าอาจต้องเผาเงินไปถึง US$115,000 ล้าน (≈ 3.72 ล้านล้านบาท) จนถึงปี 2029 เลยทีเดียว

ความตึงเครียดระหว่างบริษัทและนักลงทุนจึงเริ่มคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามดังๆ ว่า “เงินที่ลงไปจะได้คืนเมื่อไหร่?” ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นของภาวะฟองสบู่ในวงการ AI ที่น่าสนใจคือ แม้แต่ Sam Altman CEO ของ OpenAI ยังยอมรับว่ามีบางส่วนของวงการ AI ที่ดูเหมือนฟองสบู่อยู่ในตอนนี้ ขณะที่ Satya Nadella CEO ของ Microsoft ก็บอกกับนักลงทุนว่า AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไปที่เทียบเท่ามนุษย์) คงยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

แรงกดดันนี้เห็นได้ชัดจากการประชุมนักลงทุน ที่หลายคนเริ่มซักถามถึงแผนการที่ชัดเจน อย่างในกรณีของ Meta ที่ CFO อย่าง Susan Li ตอบคำถามเรื่องงบประมาณแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า “มันยังไม่ลงตัว” ยิ่งทำให้นักลงทุนกังวล เพราะยังจำภาพการทุ่มเงินหลายหมื่นล้านไปกับ Metaverse ที่ยังไม่เห็นผลเป็นชิ้นเป็นอันได้ดี หรือแม้แต่ Sam Altman เองก็เคยตอบคำถามนักลงทุนที่สงสัยเรื่องแผนการใช้เงินอย่างดุเดือดบน Podcast ว่า “ถ้าคุณอยากขายหุ้นของคุณ ผมหาคนซื้อให้ได้…พอเถอะ”

ถึงแม้จะมีความกังวลเรื่องฟองสบู่ แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่าฟองสบู่นี้อาจไม่ได้ระเบิดตูมตามจนพังทั้งอุตสาหกรรม แต่อาจนำไปสู่การควบรวมกิจการ และเหลือผู้เล่นในตลาดน้อยลง โดยบริษัทที่จะอยู่รอดอาจไม่ใช่บริษัทที่ดูหวือหวาที่สุด แต่เป็นบริษัทที่พัฒนา AI สำหรับใช้งานเฉพาะทาง เช่น ช่วยเขียนโค้ด, บริการลูกค้า หรือสร้างคอนเทนต์

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะยังไม่มีใครกล้าหยุดกระแส FOMO นี้ได้ เพราะเหล่า CEO ต่างถูกบอร์ดบริหารตั้งคำถามว่า “คุณทำอะไรเกี่ยวกับ AI บ้าง?” ทำให้ทุกคนต้องมีคำตอบและแผนการใช้จ่ายเงินในมือ แม้จะไม่รู้ว่าผลตอบแทนหน้าตาเป็นอย่างไรก็ตาม... ก็ถ้าการลงทุนใน AI ครั้งนี้มันผิดพลาดขึ้นมา อย่างน้อยก็พลาดเหมือนๆ กันทุกคนล่ะน่า


หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้คำนวณคือ US$1 = 32.38 บาท ณ วันที่ 29 ต.ค. 2025

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้