ข้ามไปยังเนื้อหา

ดวงจันทร์ Enceladus ของดาวเสาร์พ่นโมเลกุลอินทรีย์ อาจเป็นกุญแจสู่สิ่งมีชีวิต!

วิทยาศาสตร์
4 ครั้ง
0 ความเห็น
1 นาที
ดวงจันทร์ Enceladus ของดาวเสาร์พ่นโมเลกุลอินทรีย์ อาจเป็นกุญแจสู่สิ่งมีชีวิต!
Image credit: NASA/JPL-Caltech/Space Science Institute/Lunar and Planetary Institute.
By Suphansa Makpayab
TL;DR

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบโมเลกุลอินทรีย์ซับซ้อนในพวยน้ำแข็งที่พุ่งออกมาจากดวงจันทร์ Enceladus ของดาวเสาร์ ซึ่งโมเลกุลเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิต ทำให้ Enceladus กลายเป็นเป้าหมายสำคัญในการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก แม้จะมีข้อถกเถียงเรื่องที่มาของโมเลกุล แต่การวิเคราะห์ข้อมูลเก่าของยาน Cassini อย่างละเอียดก็ทำให้เรามั่นใจขึ้นว่าโมเลกุลเหล่านี้มาจากมหาสมุทรใต้พื้นผิวของดวงจันทร์จริงๆ

เมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยการค้นพบที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับดวงจันทร์ Enceladus ของดาวเสาร์ว่า พวยน้ำแข็งที่พุ่งออกมาจากดวงจันทร์ดวงนี้มีโมเลกุลอินทรีย์ที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิกิริยาเคมีที่นำไปสู่การสร้างสิ่งมีชีวิตเลยทีเดียว ข่าวนี้มาจากข้อมูลที่ยานอวกาศ Cassini ของ NASA เคยเก็บไว้เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน และเพิ่งถูกนำมาวิเคราะห์ใหม่ ทำให้ Enceladus กลายเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ในการค้นหาสิ่งมีชีวิตในระบบสุริยะของเรา

เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปตอนที่ยาน Cassini โคจรรอบดาวเสาร์และสิ้นสุดภารกิจไปเมื่อปี 2017 แต่ข้อมูลมหาศาลที่ยานลำนี้เก็บไว้ยังคงเป็นขุมทรัพย์ให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ การค้นพบโมเลกุลอินทรีย์ (ซึ่งหมายถึงโมเลกุลที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ) ครั้งนี้ ยิ่งตอกย้ำความสำคัญทางชีววิทยาอวกาศของ Enceladus เพราะในปี 2005 Cassini เคยพบพวยไอน้ำพุ่งออกมาจากรอยแยกบนพื้นผิวดวงจันทร์ ซึ่งเชื่อกันว่าเชื่อมต่อกับมหาสมุทรใต้พื้นผิวขนาดใหญ่ของดวงจันทร์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 500 กิโลเมตรแห่งนี้ และน้ำจากมหาสมุทรนี่แหละที่พุ่งออกมาเป็นพวยดังกล่าว

ที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้านี้เคยมีความกังวลว่าโมเลกุลอินทรีย์ที่พบใน E-ring (วงแหวนที่เกิดจากพวยน้ำแข็งของ Enceladus) อาจเกิดจากรังสีในอวกาศที่ทำปฏิกิริยากับอนุภาคน้ำแข็ง ไม่ใช่มาจากมหาสมุทรของ Enceladus โดยตรง แต่ Nozair Khawaja จาก Freie Universität Berlin และ University of Stuttgart ได้กลับไปรื้อค้นข้อมูลเก่าของเครื่องมือ Cosmic Dust Analyzer (CDA) จากยาน Cassini ที่เก็บไว้เมื่อปี 2008 และจากการวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็พบว่าโมเลกุลอินทรีย์แบบเดียวกันนี้มีอยู่ในพวยน้ำแข็งที่เพิ่งพุ่งออกมาสดๆ ร้อนๆ ซึ่งยังไม่ได้รับผลกระทบจากรังสีในอวกาศเลย ตรงนี้ทำให้หลายฝ่ายหันมามองว่าโมเลกุลเหล่านี้มาจากมหาสมุทรใต้พื้นผิวดวงจันทร์จริงๆ และยังพบโมเลกุลอินทรีย์อื่นๆ ที่ไม่เคยตรวจพบมาก่อนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ก็มีเสียงเตือนจากงานวิจัยล่าสุดของ Grace Richards จาก Istituto Nazionale di Astrofisica e Planetologia Spaziale (INAF) ที่เสนอว่ารังสีในอวกาศก็สามารถสร้างโมเลกุลอินทรีย์บนพื้นผิวของ Enceladus ได้เช่นกัน โดยเฉพาะบริเวณรอยแยกที่เรียกว่า 'tiger stripes' ซึ่งเป็นจุดที่พวยน้ำแข็งพุ่งออกมา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ยากที่จะบอกได้ว่าโมเลกุลอินทรีย์ที่ Cassini ตรวจพบนั้นมาจากมหาสมุทร หรือเกิดจากรังสีบนพื้นผิวแล้วถูกพวยน้ำดึงขึ้นไปในอวกาศ

ทางเดียวที่จะไขปัญหานี้ได้ก็คือ การส่งยานไปลงจอดบน Enceladus โดยตรงเพื่อเก็บตัวอย่างน้ำแข็งที่สดใหม่ ซึ่ง European Space Agency ก็กำลังพิจารณาภารกิจที่จะส่งยานอวกาศพร้อมยานลงจอดไปถึง Enceladus ในปี 2054 เลยทีเดียว ถึงตอนนั้นแหละ เราถึงจะรู้กันแน่ๆ ว่ามหาสมุทรของ Enceladus มีเคมีที่ซับซ้อนพอที่จะก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่ ส่วนผลวิจัยใหม่จากข้อมูลของ Cassini นี้ ได้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวเล็กๆ ที่อาจนำไปสู่การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ในอนาคตอันใกล้เลยเชียวล่ะ.

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้