ข้ามไปยังเนื้อหา

Food Noise: เมื่อเสียงในหัวสั่งให้คิดแต่เรื่องกิน จนชีวิตวุ่นวายไปหมด

วิทยาศาสตร์
3 ครั้ง
0 ความเห็น
1 นาที
Food Noise: เมื่อเสียงในหัวสั่งให้คิดแต่เรื่องกิน จนชีวิตวุ่นวายไปหมด
Photo by congerdesign on Pixabay
By Suphansa Makpayab
TL;DR

เคยไหมที่ในหัวมีแต่เรื่องกินวนไปวนมาไม่หยุด? อาการนี้เรียกว่า ‘Food Noise’ ซึ่งเกิดจากบทสนทนาเรื่องอาหารรอบตัวเรา ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นปัญหาที่รบกวนจิตใจและชีวิตประจำวัน

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หยุดคิดเรื่องอาหารไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเพราะบทสนทนาที่ได้ยินมา หรือสิ่งที่เห็นในโซเชียลมีเดีย คุณอาจกำลังเจอกับสิ่งที่เรียกว่า 'Food Noise' หรือเสียงในหัวที่คอยแต่จะสั่งให้เราคิดถึงเรื่องกินตลอดเวลา จนบางครั้งมันก็ดังเกินไปจนรบกวนชีวิตประจำวันไปเลย

Gisela Bouvier นักกำหนดอาหาร บอกว่า Social Media นี่แหละตัวดีเลย ที่ทำให้ Food Noise แย่ลง เพราะเต็มไปด้วยข้อมูลโภชนาการผิด ๆ คอนเทนต์สร้างความกลัว และสารพัด 'Health Hacks' ที่ยิ่งดูก็ยิ่งสับสน ตัวอย่างของ Food Noise ก็เช่น คิดถึงมื้อต่อไปทั้งที่ยังกินมื้อนี้ไม่เสร็จ รู้สึกผิดหลังกินของบางอย่าง หรือแอบกินตอนดึก ๆ ซึ่งแม้ว่ามันจะไม่ใช่โรคการกินผิดปกติ (Eating Disorder) โดยตรง แต่มันก็อาจทำให้อาการของคนที่มีปัญหาอยู่แล้วแย่ลงได้

แล้วจะจัดการกับเสียงในหัวนี้ยังไงดี? ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลองฝึก 'Mindful Eating' หรือการกินอย่างมีสติ ค่อย ๆ ฟังเสียงความหิวของร่างกาย และทิ้งกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดเกินไป นอกจากนี้ Dawn Menning นักกำหนดอาหารอีกท่าน ก็แนะนำให้ลดความเครียด หากิจกรรมอื่นทำที่ไม่เกี่ยวกับอาหาร และนอนให้พอ เพราะถ้านอนไม่พอ เราก็จะยิ่งคิดถึงเรื่องกินมากขึ้น ที่สำคัญคือลองสังเกตตัวเองว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด Food Noise ถ้าหน้าฟีด TikTok หรือ Instagram มีแต่คอนเทนต์ที่ทำให้รู้สึกแย่ ก็แค่ Mute หรือ Block ไปซะ เดี๋ยวอัลกอริทึมก็เรียนรู้เอง

ที่น่าสนใจคือ ตอนนี้เริ่มมีการพูดถึงยา Semaglutide (ที่รู้จักกันในชื่อ Ozempic หรือ Wegovy) ว่าสามารถช่วยลด Food Noise ได้ เพราะตัวยาช่วยลดความหิวและความอยากอาหาร แต่ Gisela Bouvier กลับไม่ค่อยเห็นด้วยกับการใช้ยาเป็นทางออกแรก เธอมองว่ายาไม่ได้แก้ที่ต้นตอของความคิด เพราะถ้าหยุดยาเมื่อไหร่ เสียงในหัวก็อาจกลับมาดังเหมือนเดิมได้ หากเรายังไม่มีเครื่องมือจัดการกับมัน

ดังนั้น หากใครกำลังเจอปัญหานี้อยู่ การเรียนรู้วิธีจัดการกับตัวเองในระยะยาวอาจเป็นทางออกที่ดีกว่า หรือถ้าจะใช้ยา ก็ควรทำภายใต้คำแนะนำของนักกำหนดอาหารและนักบำบัด เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้สร้างนิสัยที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน... ไม่งั้นพอหยุดยา เดี๋ยวเสียงในหัวก็กลับมาตะโกนเรียกหาหมูกรอบอีกรอบไม่รู้ด้วยนะ

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้