Blue Origin ทำสำเร็จ! ส่งจรวด New Glenn ลงจอดครั้งประวัติศาสตร์ จ่อตามรอย SpaceX

Blue Origin สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ส่งจรวด New Glenn ขึ้นสู่อวกาศพร้อมยานสำรวจดาวอังคารของ NASA ก่อนนำจรวดท่อนแรกกลับมาลงจอดบนเรือกลางมหาสมุทรได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ถือเป็นก้าวสำคัญในการแข่งขันธุรกิจอวกาศกับ SpaceX
ในที่สุด Blue Origin บริษัทอวกาศของมหาเศรษฐี Jeff Bezos ก็สร้างประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ กับภารกิจส่งจรวด New Glenn ที่สูงตระหง่านถึง 98 เมตร ขึ้นจากฐานทัพอวกาศ Cape Canaveral ในฟลอริดา พร้อมนำจรวดท่อนแรกกลับมาลงจอดบนเรือกลางมหาสมุทรแอตแลนติกได้อย่างแม่นยำเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากต้องเลื่อนภารกิจมาหลายวันเพราะสภาพอากาศและพายุสุริยะ
ภารกิจนี้ไม่เพียงแต่เป็นการปล่อยจรวด แต่ยังเป็นการส่งยานสำรวจของ NASA จำนวน 2 ลำในภารกิจ ESCAPADE เพื่อเดินทางไกล 2 ปีไปยังดาวอังคารอีกด้วย จรวด New Glenn ใช้เครื่องยนต์ BE-4 จำนวน 7 ตัวที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquified Natural Gas) และออกซิเจนเหลว สร้างแรงขับมหาศาลกว่า 3.8 ล้านปอนด์ ก่อนจะแยกตัวจรวดท่อนที่สองออกไปทำภารกิจต่อในวงโคจร
ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การกลับมาของจรวดท่อนแรก ที่พุ่งขึ้นไปสูงสุดถึง 127 กิโลเมตร ก่อนจะดิ่งกลับสู่ชั้นบรรยากาศอย่างมีการควบคุม และจุดเครื่องยนต์อีกครั้งเพื่อชะลอความเร็ว แล้วกางขาหยั่งลงจอดบนเรือ ‘Jacklyn’ ที่รออยู่กลางทะเลห่างจากชายฝั่ง 600 กิโลเมตร ได้อย่างนิ่มนวล ท่ามกลางเสียงเชียร์ของพนักงานที่ถ่ายทอดสดไปทั่วบริษัท
ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้ Blue Origin กลายเป็นบริษัทที่สองต่อจาก SpaceX ที่สามารถนำจรวดระดับ Orbital-class กลับมาลงจอดได้สำเร็จ แม้จะตามหลัง SpaceX อยู่เกือบทศวรรษ ซึ่งทำสถิติลงจอดไปแล้วกว่า 532 ครั้งก็ตามที งานนี้ทำให้หลายคนนึกยิ้มมุมปากถึงโพสต์ของ Jeff Bezos ในปี 2015 ที่เคยทวีตว่า "Welcome to the club!" หลัง SpaceX ลงจอด Falcon 9 ได้สำเร็จครั้งแรก ในที่สุดวันนี้ Blue Origin ก็ได้เข้าร่วมคลับนั้นอย่างเป็นทางการเสียที
สำหรับอนาคต Blue Origin วางแผนที่จะนำจรวดท่อนที่นำกลับมาได้นี้ไปตรวจสอบและซ่อมบำรุงเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในปีหน้ากับภารกิจส่งยานขนส่งสัมภาระดวงจันทร์ Blue Moon Mark 1 โดยตั้งเป้าให้จรวดแต่ละลำสามารถใช้งานซ้ำได้ถึง 25 ครั้ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของโครงการ Artemis ของ NASA และการปล่อยดาวเทียมทางการทหารในอนาคต
ส่วนภารกิจของ NASA อย่าง ESCAPADE ที่มีงบประมาณราว US$80 ล้าน (≈ 2.59 พันล้านบาท) สำหรับตัวยาน และค่าปล่อยอีก US$20 ล้าน (≈ 647.6 ล้านบาท) ก็กำลังเดินทางสู่ดาวอังคารเพื่อศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างลมสุริยะกับชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์สีแดง เพื่อไขปริศนาว่าเหตุใดดาวอังคารจึงเปลี่ยนจากโลกที่อาจเคยมีสิ่งมีชีวิตไปสู่ทะเลทรายที่แห้งแล้งอย่างทุกวันนี้... ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าคลับจรวดใช้ซ้ำนี้จะมีสมาชิกลำดับที่สามเมื่อไหร่
*หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 29 ต.ค. 2025 คือ US$1 = 32.38 บาท
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้