สวย สุขภาพดี แค่ปลายนิ้ว? เบื้องหลัง Wellness Influencer กับข้อมูลสุขภาพลวงโลก
เมื่อการเข้าถึงหมอจริงเป็นเรื่องยาก ผู้คนนับล้านจึงหันไปพึ่งพา Wellness Influencer บนโซเชียลมีเดีย แต่เบื้องหลังคำแนะนำที่ดูง่ายและน่าดึงดูดใจ กลับเต็มไปด้วยข้อมูลสุขภาพที่ผิดพลาดและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต บทความนี้สรุปจาก CNET
ในยุคที่การหาหมอสักคนยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ผู้คนกว่า 100 ล้านคนในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน ตรงกันข้ามกับโลกโซเชียลที่เต็มไปด้วย Wellness Influencer ที่มาพร้อมรอยยิ้มสดใสและคำแนะนำง่าย ๆ ที่ทำให้การมีผิวสวย ผมยาว สุขภาพดี ดูง่ายเหมือนแค่ดื่มน้ำผสมมะนาวกับอาหารเสริม ซึ่งความสะดวกและน่าดึงดูดใจนี่เองที่กลายเป็นช่องทางให้ข้อมูลสุขภาพที่ผิด ๆ แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
ที่น่าสนใจคือ ทำไมคนถึงเชื่อ Influencer มากกว่าหมอ? คำตอบอยู่ในจิตวิทยาและความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อสถาบันการแพทย์ Influencer เหล่านี้เก่งในการสร้าง “Parasocial Relationship” (ความสัมพันธ์กึ่งเสมือนจริงที่ผู้ติดตามรู้สึกผูกพันกับคนดังฝ่ายเดียว) พวกเขาดูเข้าถึงง่าย เป็นกันเอง และมอบความรู้สึกว่าเราสามารถควบคุมสุขภาพของตัวเองได้เต็มที่ ต่างจากประสบการณ์ในห้องตรวจที่เย็นชาและใช้เวลาเพียง 15 นาทีกับคนแปลกหน้าในชุดกาวน์
แต่ดาบสองคมของวงการนี้ก็อันตรายไม่ใช่เล่น เพราะเบื้องหลังคำแนะนำสวยหรู หลายครั้งกลับนำไปสู่โศกนาฏกรรม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดมีตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่
Belle Gibson: Influencer ชาวออสเตรเลียที่กุเรื่องว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และรักษาตัวเองให้หายได้ด้วยอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อโปรโมตแอปพลิเคชันและหนังสือของเธอ
Liver King: ผู้โด่งดังจากการกินเครื่องในดิบและใช้ชีวิตแบบ “ย้อนยุค” เพื่อสร้างกล้าม แต่สุดท้ายถูกแฉว่าแอบใช้สเตียรอยด์และฮอร์โมน
Paloma Shemirani: หญิงสาวที่เสียชีวิตจากเนื้องอกในหัวใจ เพราะปฏิเสธการทำเคมีบำบัด แต่หันไปใช้วิธีรักษาทางเลือกตามคำแนะนำของแม่ที่เป็น Influencer สายต่อต้านวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนในวงการนี้ที่หวังร้าย องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้สร้างเครือข่าย “Fides” ขึ้นมาเพื่อรวบรวมบุคลากรทางการแพทย์ตัวจริง ให้มาสร้างคอนเทนต์ที่ถูกต้องและน่าสนใจเพื่อต่อสู้กับข้อมูลลวงโลก เช่นเดียวกับหมอดังในโลกออนไลน์อย่าง Dr. Mike Varshavski และ Dr. Zachary Rubin ที่หันมาใช้เทคนิคแบบเดียวกับ Influencer ทั้งการใช้ Hook ที่น่าสนใจ ความตลก และการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน เพื่อสอดแทรกความรู้ทางการแพทย์ที่ถูกต้องให้เข้าถึงคนได้มากขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว ภาระการกลั่นกรองข้อมูลก็ตกอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ที่ต้องหัดตั้งคำถามและคิดวิเคราะห์กับสิ่งที่เห็นบนหน้าจอ การตรวจสอบแหล่งที่มา การมองหาป้าย #ad หรือ #sponsored และที่สำคัญที่สุดคือการนำข้อมูลไปปรึกษาแพทย์ตัวจริงยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการดูแลสุขภาพมันซับซ้อนกว่าการทำตามเทรนด์ไวรัลเยอะ... ใครจะไปคิดล่ะเนอะ
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้