แก่ก่อนวัยมีอยู่จริง! นักวิทย์ชี้คนยุคใหม่ 'อายุชีวภาพ' พุ่งแซงอายุจริง

นักวิทยาศาสตร์พบแนวโน้มที่น่ากังวลว่าคนยุคใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่เกิดหลังปี 1965 กำลังมี 'อายุชีวภาพ' (Biological Age) ที่แก่เร็วกว่าอายุจริง ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับการเพิ่มขึ้นของโรคร้ายในคนหนุ่มสาวอย่างมะเร็งและเบาหวาน โดยมีโรคอ้วนเป็นผู้ร้ายตัวหลัก
เคยรู้สึกไหมว่าร่างกายมันโรยรากว่าอายุจริง? ความรู้สึกนี้อาจไม่ใช่แค่คิดไปเอง เพราะล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังส่งเสียงเตือนถึงแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง เมื่อผู้คนกำลังมี “อายุชีวภาพ” (Biological Age) ที่แก่เร็วกว่าอายุตามปีเกิด โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เกิดหลังปี 1965 เป็นต้นมา ซึ่งปรากฏการณ์นี้ถูกโยงเข้ากับการที่โรคร้ายซึ่งเคยเป็นโรคของคนแก่ เช่น มะเร็ง, หัวใจวาย และเบาหวาน กลับพบได้บ่อยขึ้นในคนหนุ่มสาว
ประเด็นนี้จุดประกายขึ้นมาจากการวิจัยที่พบว่า “อายุชีวภาพ” ซึ่งวัดจาก “นาฬิกาเอพิเจเนติกส์” (epigenetic clocks) หรือการเปลี่ยนแปลงบน DNA สามารถบอกสภาพความเสื่อมของร่างกายได้ดีกว่าอายุจริงเสียอีก บางคนอาจมีอายุชีวภาพแก่หรืออ่อนกว่าอายุจริงได้ถึง 10 ปีเลยทีเดียว และที่น่าสนใจคือ อายุชีวภาพสามารถหมุนย้อนกลับได้ ไม่เหมือนอายุจริงที่เดินหน้าอย่างเดียว
งานวิจัยหลายชิ้นชี้เป้าไปที่ “โรคอ้วน” ว่าเป็นตัวการสำคัญที่เร่งให้เราแก่เร็วขึ้น จนเกิดเป็นคำศัพท์ใหม่ว่า “Adipaging” ซึ่งหมายถึงภาวะที่ไขมันส่วนเกินในร่างกายกระตุ้นให้เกิดกระบวนการที่คล้ายกับการแก่ชรา เช่น การอักเสบเรื้อรัง, การทำงานของเซลล์ผิดปกติ และระบบเผาผลาญรวน การศึกษาในฟินแลนด์พบว่าคนที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากในช่วงวัยรุ่นถึงวัยกลางคน มีอายุชีวภาพแก่กว่าอายุจริงไปถึง 10 ปี ขณะที่งานวิจัยล่าสุดในชิลีตอกย้ำว่า คนที่เป็นโรคอ้วนมาตั้งแต่เด็กอาจมีอายุชีวภาพแก่กว่าอายุจริงเฉลี่ยถึง 4.7 ปี
แต่ไม่ใช่แค่โรคอ้วนเท่านั้นที่เร่งนาฬิกาชีวิตของเรา สภาพแวดล้อมที่เราอยู่ก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นความเครียดเรื้อรังที่ทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูง, มลภาวะ, หรือแม้แต่การเผชิญกับคลื่นความร้อน (Heatwave) บ่อยๆ ก็ถูกพบว่าสามารถเร่งอายุชีวภาพได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้รวมกับไลฟ์สไตล์ที่เนือยนิ่งไม่ค่อยขยับตัวของคนยุคใหม่ กลายเป็น “พายุที่สมบูรณ์แบบ” ที่ทำให้ร่างกายของเราแก่เร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม ข่าวดีก็คือเราสามารถหมุนนาฬิกาชีวภาพให้เดินช้าลงหรือย้อนกลับได้ Paulina Correa-Burrows นักระบาดวิทยาจาก University of Chile ยืนยันว่ากุญแจสำคัญอยู่ที่การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ การออกกำลังกายถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ตามมาด้วยการควบคุมอาหาร, การนอนหลับให้เพียงพอ, และการหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์กับบุหรี่ ส่วนยาอย่าง Ozempic ก็เริ่มมีข้อมูลว่าอาจช่วยชะลอวัยได้ แต่ยังต้องรอการศึกษาเพิ่มเติมในระยะยาว
ดูเหมือนว่าการจะรักษาร่างกายให้สมวัย ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขบนบัตรประชาชนอีกต่อไป แต่เป็นการต่อสู้กับไลฟ์สไตล์และสภาพแวดล้อมที่คอยเร่งให้เราแก่ก่อนวัย... ว่าแล้วก็ลุกไปขยับตัวสักหน่อยดีกว่าไหม
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้