ข้ามไปยังเนื้อหา

Roblox คุมเข้ม! ขอวิดีโอเซลฟี่เด็ก 9 ขวบเพื่อยืนยันอายุ หวังป้องกันภัยออนไลน์

เทคโนโลยี
2 ครั้ง
0 ความเห็น
3 นาที
Roblox คุมเข้ม! ขอวิดีโอเซลฟี่เด็ก 9 ขวบเพื่อยืนยันอายุ หวังป้องกันภัยออนไลน์
Image Credit: Roblox
By Suphansa Makpayab
TL;DR

Roblox แอปเกมยอดฮิต เริ่มใช้นโยบายยืนยันอายุด้วยวิดีโอเซลฟี่สำหรับเด็ก 9 ปีขึ้นไป เพื่อจำกัดการสื่อสารระหว่างผู้ใหญ่และเด็ก ป้องกันภัยออนไลน์ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจุดประเด็นถกเถียงว่าภาระนี้ควรเป็นของ Apple และ Google มากกว่า

Roblox แอปพลิเคชันเกมขวัญใจเด็ก ๆ ทั่วโลก กำลังจะเริ่มบังคับใช้นโยบายใหม่ที่อาจทำให้ผู้ปกครองหลายคนต้องหันมามอง นั่นคือการขอให้ผู้ใช้งานที่อายุต่ำสุดถึง 9 ปี ต้องส่งวิดีโอเซลฟี่เพื่อยืนยันอายุจริงของตัวเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและจำกัดการสื่อสารระหว่างผู้ใหญ่และเด็กในห้องแชทของเกม

นโยบายนี้เกิดขึ้นหลังจาก Roblox โดนวิจารณ์อย่างหนักว่าล้มเหลวในการปกป้องผู้เล่นที่เป็นเด็ก โดยระบบใหม่จะใช้เทคโนโลยีประเมินอายุจากใบหน้า (Facial Age Estimation) ควบคู่ไปกับการยืนยันตัวตนด้วยเอกสารราชการ หรือการยินยอมจากผู้ปกครอง แต่ในความเป็นจริง เด็กส่วนใหญ่ไม่มีบัตรประชาชนหรือเอกสารราชการ ทำให้ทางเลือกหลักหนีไม่พ้นการส่งวิดีโอเซลฟี่นั่นเอง

หลังจากยืนยันอายุแล้ว Roblox จะแบ่งผู้เล่นออกเป็น 6 กลุ่มอายุ ตั้งแต่ 9 ปีหรือต่ำกว่า ไปจนถึง 21 ปีขึ้นไป เพื่อจำกัดไม่ให้ผู้เล่นเด็กและวัยรุ่นสามารถติดต่อกับคนที่ไม่ใช่กลุ่มอายุใกล้เคียงกันได้ โดยนโยบายนี้จะเริ่มใช้ในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ก่อน และจะขยายไปทั่วโลกภายในต้นปีหน้า

ที่น่าสนใจคือ ประเด็นนี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่ตามมาว่า ทำไมภาระการยืนยันอายุต้องตกอยู่กับผู้พัฒนาแอปแต่ละราย? การที่ผู้ใช้งานรวมถึงเด็ก ๆ ต้องอัปโหลดข้อมูลส่วนตัวสุดละเอียดอ่อนอย่างรูปถ่ายบัตรประชาชนหรือวิดีโอเซลฟี่ให้กับบริษัทซอฟต์แวร์นับไม่ถ้วน ถือเป็นฝันร้ายด้านความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง

หลายฝ่ายมองว่าผู้ที่ควรรับผิดชอบเรื่องนี้คือเจ้าของแพลตฟอร์มอย่าง Apple และ Google ที่ควรทำหน้าที่เป็น 'ผู้เฝ้าประตู' (Gatekeeper) เสียเอง โดยให้ผู้ใช้งานยืนยันอายุกับ Apple หรือ Google เพียงครั้งเดียว จากนั้นระบบก็จะบล็อกการดาวน์โหลดแอปที่ไม่เหมาะสมกับวัยให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะดีต่อทั้งประสบการณ์ผู้ใช้และความปลอดภัย

แม้ว่าตอนนี้ Apple จะยังต้านทานแนวคิดนี้อยู่ แต่ด้วยแรงกดดันทางกฎหมายที่กำลังเกิดขึ้นในหลายรัฐของสหรัฐฯ ก็อาจทำให้ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีไม่มีทางเลือกอื่น งานนี้ก็ต้องรอดูกันว่า Apple จะยอมเป็นฮีโร่ด้านความเป็นส่วนตัวให้เด็ก ๆ ก่อน หรือจะรอให้กฎหมายมาบังคับก่อนกันแน่

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้