Netflix ปรับใหญ่! ตัดฟีเจอร์ Cast ในแพ็กเกจมีโฆษณา หวังคุม UX และการแสดงผลโฆษณา

เป็นประเด็นที่ทำเอาผู้ใช้งานสายสตรีมมิงต้องปรับตัวกันยกใหญ่ เมื่อ Netflix ตัดสินใจปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานครั้งสำคัญ ด้วยการถอดฟีเจอร์การ Cast (ยิงสัญญาณภาพ) จากสมาร์ทโฟนขึ้นสู่หน้าจอทีวีออกไปแบบเงียบๆ โดยในหน้า Support ของเว็บไซต์ระบุชัดเจนว่าบริการจะไม่รองรับการ Cast จากอุปกรณ์พกพาไปยังทีวีหรือกล่องสตรีมมิงส่วนใหญ่อีกต่อไป พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้งานหันไปใช้รีโมทคอนโทรลเพื่อเลือกคอนเทนต์ผ่านแอปพลิเคชันบนทีวีโดยตรงแทน

การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มมีผลบังคับใช้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้ใช้งาน Reddit รายหนึ่งรายงานว่าฟีเจอร์นี้หายไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนแบบ "ไร้สัญญาณเตือน" ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า หากเป็นแอปพลิเคชันเวอร์ชันเก่าอาจจะยังพอใช้งานได้บ้าง แต่ทันทีที่มีการอัปเดตแอป ปุ่ม Cast ที่คุ้นเคยก็จะอันตรธานหายไปทันที

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อยกเว้นเล็กน้อยสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานระดับ "พรีเมียม" โดย Netflix ระบุว่าฟีเจอร์นี้จะยังคงใช้งานได้บนอุปกรณ์ Chromecast รุ่นเก่า หรือทีวีที่รองรับ Google Cast แบบ Native แต่ต้องเป็นสมาชิกแพ็คเกจแบบไร้โฆษณา (Ad-free) ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ US$17.99 (≈ 580 บาท) เท่านั้น ส่วนใครที่ใช้แพ็คเกจแบบมีโฆษณา US$7.99 (≈ 260 บาท) จะถูกตัดสิทธิ์การ Cast โดยสิ้นเชิง แม้ว่าจะใช้อุปกรณ์รุ่นเก่าที่รองรับก็ตาม

ที่น่าสนใจคือ Netflix ไม่ได้ให้เหตุผลที่ชัดเจนในการตัดฟีเจอร์นี้ทิ้ง แต่หากย้อนกลับไปในปี 2019 พวกเขาก็เคยถอดการรองรับ AirPlay ของ Apple ออกโดยอ้างเรื่อง "มาตรฐานคุณภาพการรับชม" มาแล้ว ซึ่งการบังคับให้กลับไปใช้แอปบนทีวีโดยตรง อาจเป็นวิธีที่ Netflix ต้องการควบคุมประสบการณ์การใช้งาน (User Experience) และการแสดงผลโฆษณาให้แม่นยำยิ่งขึ้นก็เป็นได้

ดูเหมือนงานนี้ Netflix จะอยากให้เราหวนคืนสู่สามัญด้วยการ "กดรีโมท" กันมากขึ้น หรือนี่จะเป็นกุศโลบายให้เราโฟกัสกับหน้าจอทีวีแทนที่จะไถมือถือระหว่างดูหนังก็ไม่ทราบได้ แต่ที่แน่ๆ ใครที่ชอบทำรีโมทหายเข้าไปในซอกโซฟา งานนี้มีเหนื่อยแน่นอนครับ

(หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยน 1 USD = 32.38 บาท)