ศึกสายเลือด Samsung! แผนกชิป vs มือถือ ตีกันเรื่องราคาแรม งานนี้ผู้รับกรรมคือลูกค้า?

เกิดดราม่าภายใน Samsung เมื่อแผนกเซมิคอนดักเตอร์ (DS) ปฏิเสธสัญญาขายชิป DRAM ระยะยาวให้แผนกมือถือ (MX) เปลี่ยนเป็นต่อรองรายไตรมาสแทน เหตุราคาแรมพุ่งกว่าเท่าตัวจากต้นปี หวังโกยกำไรสูงสุด ส่งผลให้ Galaxy S26 อาจมีต้นทุนสูงขึ้นและเสี่ยงปรับราคาขายตามไปด้วย
ดูเหมือนว่าประโยค “พี่น้องคุยกันได้” จะใช้ไม่ได้ผลในโลกธุรกิจ แม้จะเป็นบริษัทเดียวกันก็ตาม เมื่อมีรายงานว่าเกิดความขัดแย้งภายใน Samsung ระหว่างแผนกเซมิคอนดักเตอร์ (DS) และแผนก Mobile Experience (MX) หรือฝ่ายทำมือถือ โดยฝ่าย DS ได้ปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาจัดหาชิป DRAM ระยะยาวเกิน 1 ปีให้กับฝ่ายมือถือ เพื่อนำไปใช้ในสมาร์ทโฟน Galaxy รุ่นถัดไป โดยให้เหตุผลสั้นๆ แต่เจ็บปวดว่า “ขอเน้นกำไรไว้ก่อน” (Profitability over anything else)
สาเหตุหลักของศึกสายเลือดครั้งนี้มาจากราคาชิปหน่วยความจำที่พุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง โดยราคาของ LPDDR5X RAM ขนาด 12GB ได้ดีดตัวขึ้นไปอยู่ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐ (≈ 2,266 บาท) ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า “เท่าตัว” เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ราคาอยู่เพียง 33 ดอลลาร์สหรัฐ (≈ 1,068 บาท) สถานการณ์นี้ทำให้ฝ่าย DS มองว่าการล็อกราคาระยะยาวให้ฝ่าย MX เป็นการเสียโอกาสทำกำไรมหาศาล จึงยื่นคำขาดขอเปลี่ยนเป็นการเจรจาสัญญาแบบ “รายไตรมาส” (Quarterly Basis) แทน เพื่อปรับราคาตามกลไกตลาด
เรื่องราวตึงเครียดจนถึงขั้นผู้บริหารระดับสูงต้องลงมาไกล่เกลี่ย แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือฝ่าย MX สามารถล็อกของได้ถึงแค่สิ้นปีนี้เท่านั้น การที่ฝ่าย DS เลือกที่จะ “เล่นตัว” ก็เพื่อตอบรับเป้าหมายใหญ่ของบริษัทที่ต้องการดันกำไรจากการดำเนินงานให้แตะ 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (≈ 2.23 ล้านล้านบาท) ในปี 2026 ซึ่งต้องพึ่งพาการฟื้นตัวของราคา DRAM, NAND Flash และความสำเร็จของเทคโนโลยี 2nm GAA ในโรงหล่อชิป
แน่นอนว่าผลกระทบลูกโซ่จะตกมาอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ เพราะความไม่แน่นอนของต้นทุนนี้อาจทำให้ Galaxy S26 Series ที่มีกำหนดเปิดตัวช่วงกุมภาพันธ์ 2026 แบกรับต้นทุน Bill of Materials ที่สูงขึ้น และมีความเสี่ยงสูงที่จะมีการ “ปรับขึ้นราคา” ตามไปด้วย ใครที่เล็งเรือธงรุ่นหน้าไว้คงต้องเตรียมใจ หรือไม่ก็รอสักพักหลังเปิดตัว เพราะปกติ Samsung ก็ขยันจัดโปรลดราคาอยู่แล้ว ถือว่าเป็นการแก้เกมของผู้ซื้อก็แล้วกัน
(หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้คำนวณคือ 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 32.38 บาท)
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้