DeepSeek AI เผยเคล็ดลับสร้างโมเดล R1 ด้วยงบไม่ถึง 10 ล้านบาท ทำเอาวงการ AI ตะลึง!

เมื่อไม่นานมานี้ DeepSeek ห้องแล็บ AI จากจีนที่เคยสร้างความฮือฮาในวงการด้วยโมเดล R1 แบบ Open-source ได้ออกมาเผยความลับที่หลายคนสงสัย นั่นก็คือพวกเขาใช้เงินเท่าไหร่ในการพัฒนาโมเดลที่ว่านี้ ซึ่งคำตอบที่ได้ทำเอาหลายคนถึงกับอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว

ในบทความวิจัยที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา DeepSeek ระบุว่า พวกเขาใช้เงินสร้าง R1 เพียงแค่ 249,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9.1 ล้านบาท) เท่านั้นเองค่ะ! ตัวเลขนี้ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับโลก AI ที่มักจะทุ่มเงินมหาศาลกันเป็นว่าเล่น เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น DeepSeek เคยบอกไว้ว่าโมเดล V3 ของพวกเขา ซึ่งคล้ายกับพวกแชตบอทอย่าง Claude ใช้เงินฝึกไปถึง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 205 ล้านบาท) เลยทีเดียว

แม้จะมีบางคนตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขนี้รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือไม่ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นเพียงเศษเสี้ยวเมื่อเทียบกับบริษัทอย่าง OpenAI ที่ Sam Altman เคยประเมินว่า GPT-4 ใช้เงินไปกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.6 พันล้านบาท) แถมค่าบริการ R1 ของ DeepSeek ก็ยังถูกกว่า OpenAI มากอีกด้วย โดยคิดแค่ 0.14 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5 บาท) ต่อ 1 ล้านโทเค็น ขณะที่ OpenAI คิด 7.50 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 275 บาท) สำหรับระดับเดียวกัน

ที่น่าสนใจคือ DeepSeek สามารถสร้างโมเดลที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยการปรับแต่งชิปเก่า ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับห้องแล็บในจีนที่ต้องเจอกับข้อจำกัดในการเข้าถึงชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ จากมาตรการห้ามส่งออก DeepSeek ยังเปิดเผยด้วยว่าพวกเขาใช้ชิป Nvidia H800 จำนวน 512 ตัว ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบมาสำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะและมีประสิทธิภาพน้อยกว่ารุ่นอื่น ๆ เพื่อสร้าง R1 ขึ้นมา ตรงนี้ทำให้หลายฝ่ายหันมามองว่าการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาดอาจเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนา AI ในอนาคต

การที่ DeepSeek เผยข้อมูลนี้ออกมา ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายมหาศาลในการลงทุนด้าน AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริษัทอย่าง OpenAI ที่กำลังพยายามระดมทุนอีก 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท) ทั้งที่ยังไม่มีกำไร แต่ถึงแม้จะมีความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI แต่ดูเหมือนว่าฟองสบู่นี้ก็ยังไม่น่าจะแตกในเร็ว ๆ นี้ เพราะมีการคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้าน AI จะพุ่งสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 55 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นปีนี้ งานนี้คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าใครจะอยู่ใครจะไปในสมรภูมิ AI ที่ดุเดือดนี้ค่ะ