ข้ามไปยังเนื้อหา

ศึก AI วัดกันที่พลังงาน! จีนเร่งเครื่องพลังงานสะอาด ทิ้งห่างสหรัฐฯ ที่ยังติดหล่มถ่านหิน

เทคโนโลยี
1 ครั้ง
0 ความเห็น
3 นาที
ศึก AI วัดกันที่พลังงาน! จีนเร่งเครื่องพลังงานสะอาด ทิ้งห่างสหรัฐฯ ที่ยังติดหล่มถ่านหิน
Photo by jarmoluk on Pixabay
By Suphansa Makpayab
TL;DR

การแข่งขันเพื่อเป็นเจ้าแห่ง AI ไม่ได้วัดกันที่ชิปหรือเงินทุนอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของ 'พลังงาน' ซึ่งสหรัฐฯ กำลังเผชิญปัญหาใหญ่จากโครงข่ายไฟฟ้าที่ล้าสมัย สวนทางกับจีนที่ทุ่มสร้างพลังงานสะอาดมหาศาล จนอาจพลิกเกมขึ้นเป็นผู้นำด้าน AI ได้ในไม่ช้า

การแข่งขันเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในโลก AI กำลังเข้าสู่สมรภูมิใหม่ที่ไม่ได้วัดกันด้วยเงินทุน แต่เป็นเรื่องของ 'พลังงาน' โดยในขณะที่สหรัฐอเมริกากำลังปวดหัวกับ Data Center ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดแต่ไม่มีไฟฟ้าพอป้อน จีนกลับกำลังเร่งเครื่องสร้างพลังงานสะอาดอย่างมหาศาล ซึ่งอาจเป็นแต้มต่อสำคัญที่ทำให้จีนแซงหน้าสหรัฐฯ ในศึกครั้งนี้

ฝั่งสหรัฐฯ กำลังเจอปัญหาใหญ่ เมื่อความต้องการไฟฟ้าจาก Data Center ที่ใช้ฝึกและรันโมเดล AI พุ่งสูงขึ้นทุกวัน แต่การพัฒนาประสิทธิภาพเพื่อประหยัดพลังงานกลับตามไม่ทัน ทำให้ภาระตกอยู่กับโครงข่ายไฟฟ้า (Grid) ที่เริ่มส่งสัญญาณร่อแร่ แถมยังทำให้ค่าไฟของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงพุ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ที่น่ากังวลคือ สหรัฐฯ ยังคงพยายามจะฟื้นคืนชีพอุตสาหกรรมถ่านหินที่ทั้งก่อมลพิษ แพง และไม่มีเสถียรภาพ ต่างจากช่วงก่อนปี 2020 ที่การพัฒนาประสิทธิภาพยังช่วยชดเชยความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้

ตัดภาพมาที่จีน ประเทศนี้กำลังเดินหน้าเต็มกำลังในการติดตั้งแหล่งพลังงานใหม่ ๆ โดยในปี 2024 จีนติดตั้งกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่สูงถึง 429 GW มากกว่าที่สหรัฐฯ ทำได้ถึง 6 เท่า แม้จะยังพึ่งพาถ่านหินอยู่ แต่สัดส่วนก็ลดลงเรื่อย ๆ เพราะจีนหันไปทุ่มให้กับพลังงานแสงอาทิตย์, ลม, นิวเคลียร์ และก๊าซธรรมชาติในอัตราที่ทำลายสถิติ จนตอนนี้รายได้จากการส่งออกเทคโนโลยีพลังงานสะอาดของจีน แซงหน้ารายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซของสหรัฐฯ ไปเรียบร้อยแล้ว

แล้วทางออกของสหรัฐฯ คืออะไร? ข้อเสนอหนึ่งที่น่าสนใจคือการทำให้ Data Center มีความยืดหยุ่นมากขึ้น งานวิจัยจาก Duke University พบว่าแค่ Data Center ยอมลดการใช้ไฟในช่วงเวลาที่ความต้องการพุ่งสูงสุดเพียง 0.25% ของทั้งปี (ประมาณ 22 ชั่วโมง) ก็จะช่วยให้โครงข่ายไฟฟ้ารองรับความต้องการใหม่ได้ถึง 76 GW โดยไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเลยแม้แต่แห่งเดียว

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังคงกังขา เพราะยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าในอนาคต AI จะต้องการไฟฟ้ามหาศาลแค่ไหน บางสำนักคาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้น 2-4 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะที่ Nvidia ก็เคยอวดว่าชิปของตนประหยัดพลังงานขึ้นถึง 45,000 เท่าใน 8 ปี ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ บางประเทศอย่างไอร์แลนด์ถึงกับต้องจำกัดการเชื่อมต่อ Data Center ใหม่ ๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับระบบไฟฟ้าของประเทศ

บทสรุปของศึกครั้งนี้จึงน่าจับตา ศตวรรษที่ 20 ถูกครอบงำโดยประเทศที่ร่ำรวยเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ในยุค AI ประเทศที่จะกุมชัยชนะอาจเป็น 'รัฐไฟฟ้าสีเขียว' (Green Electrostate) ซึ่งจีนกำลังก้าวไปในทิศทางนั้นอย่างชัดเจน ถ้าจีนสามารถใช้ความได้เปรียบด้านพลังงานสะอาดนี้เพื่อคว้าชัยในการแข่งขัน AI ที่สหรัฐฯ เคยเป็นผู้นำมาตลอด มันก็จะเป็นการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และภูมิรัฐศาสตร์โลกไปโดยปริยาย

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้