ดาวเทียมเต็มฟ้า: มลพิษรูปแบบใหม่ที่มองไม่เห็น แต่ส่งผลกระทบถึงพื้นโลก

นักวิทยาศาสตร์เริ่มกังวลกับมลพิษรูปแบบใหม่ที่เกิดจากดาวเทียมหมดอายุขัยนับหมื่นดวงที่ถูกเผาทำลายในชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งปล่อยสารเคมีอันตรายอย่างอลูมิเนียมและเขม่าที่อาจส่งผลกระทบต่อชั้นโอโซนและสภาพภูมิอากาศโลกโดยตรง
นักวิทยาศาสตร์เริ่มส่งเสียงเตือนถึงมลพิษรูปแบบใหม่ที่กำลังก่อตัวเงียบๆ ในชั้นบรรยากาศโลกชั้นบนสุด เมื่อดาวเทียมกว่า 15,000 ดวงที่โคจรรอบโลกอยู่ตอนนี้ ส่วนใหญ่ถูกตั้งโปรแกรมให้เผาตัวเองในชั้นบรรยากาศเมื่อหมดอายุขัย กลายเป็นฝุ่นผงโลหะและสารเคมีที่อาจสร้างความเสียหายให้กับชั้นโอโซนที่คอยปกป้องโลกของเรา
ปัญหานี้กำลังจะรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะจำนวนดาวเทียมคาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นอีกมาก โดยเฉพาะจากโครงการอินเทอร์เน็ตดาวเทียมยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Starlink ที่มีดาวเทียมแล้วราว 8,000 ดวง, Project Kuiper ของ Amazon หรือ Guowang ของจีน ที่มีแผนจะปล่อยรวมกันอีกหลายหมื่นดวงภายในปี 2030 นี้เอง
สิ่งที่น่ากังวลคือสารเคมีที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากการเผาไหม้ หนึ่งในนั้นคือ อลูมิเนียม ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของดาวเทียม เมื่อถูกเผาจะกลายเป็น อลูมินา (Alumina) ที่เคยมีงานวิจัยชี้ว่าสามารถทำลายโอโซนได้ นอกจากนี้ยังมี เขม่าคาร์บอน (Soot) ที่ดูดซับแสงอาทิตย์และทำให้บรรยากาศร้อนขึ้น ที่น่ากลัวคือมลพิษเหล่านี้เกิดขึ้นในชั้น Mesosphere (ชั้นบรรยากาศที่สูงมาก) ทำให้มันสามารถลอยอยู่ในบรรยากาศได้นานหลายปี ก่อนจะค่อยๆ ตกลงมาผ่านชั้นโอโซน
งานวิจัยชิ้นหนึ่งประเมินว่า เขม่าที่ปล่อยออกมาจากจรวดในระดับความสูงมากๆ อาจส่งผลให้โลกร้อนขึ้นมากกว่าเขม่าจากรถยนต์ถึง 500 เท่าเลยทีเดียว ตอนนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์อย่าง Stefan Löhle ในเยอรมนี กำลังเร่งศึกษาการเผาไหม้ของดาวเทียมในอุโมงค์ลมจำลอง เพื่อทำความเข้าใจผลกระทบที่แท้จริงและหาทางรับมือ
แนวทางแก้ไขที่ถูกเสนอขึ้นมาก็มีหลากหลาย ตั้งแต่การปรับวิถีการตกของดาวเทียมเพื่อลดสารพิษ ไปจนถึงแนวคิด "เศรษฐกิจหมุนเวียนในอวกาศ" (Circular Economy in Space) คือการซ่อมบำรุง เติมเชื้อเพลิง หรือรีไซเคิลดาวเทียมกันในวงโคจรเลย เพื่อลดขยะที่จะตกลงมาเผาไหม้...ดูเหมือนว่าปัญหาที่เคยถูกมองว่า "เอาไว้ก่อน" คงต้องรีบจัดการ "เดี๋ยวนี้" ซะแล้ว
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้