ภัยเงียบจากดวงอาทิตย์! พายุสุริยะป่วน Starlink เสี่ยงเน็ตล่ม-ดาวเทียมชนกัน

ดาวเทียม Starlink ของ SpaceX และเพื่อนร่วมวงโคจรอีกนับหมื่นดวงกำลังเผชิญภัยคุกคามครั้งใหญ่จากพายุสุริยะ หลังงานวิจัยล่าสุดเผยว่าปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้เน็ตสะดุด แต่ยังสร้างความปั่นป่วนให้วงโคจรจนเสี่ยงชนกันเอง
ในยุคที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาวเทียมมากกว่า 10,000 ดวง ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ภัยคุกคามจากดวงอาทิตย์ก็ดูจะน่ากังวลขึ้นเป็นทวีคูณ โดยเฉพาะกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตขนาดยักษ์อย่าง Starlink ของ SpaceX ที่ล่าสุดมีงานวิจัยชี้ว่า พายุสุริยะกำลังสร้างปัญหาใหญ่เกินกว่าแค่สัญญาณเน็ตหาย
งานวิจัยโดย Eunju Kang และทีมจาก University of California, Irvine ได้วิเคราะห์ข้อมูลการติดตามดาวเทียมสาธารณะในช่วงที่เกิดพายุสุริยะเมื่อเดือนพฤษภาคม 2024 พบว่าดาวเทียม Starlink ที่โคจรอยู่ฝั่งที่หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ มีระดับความสูงลดลงถึงครึ่งกิโลเมตร แม้จะดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับวงโคจรที่สูง 550 กิโลเมตร แต่นี่คือสัญญาณอันตรายที่เกิดจากรังสีของดวงอาทิตย์ทำให้ชั้นบรรยากาศขยายตัวและสร้างแรงต้าน (Drag) กับตัวดาวเทียม
ความปั่นป่วนไม่ได้เกิดแค่จุดเดียว แต่ยังลามไปถึงบริเวณขั้วโลกที่สนามแม่เหล็กโลกดึงดูดอนุภาคจากดวงอาทิตย์เข้ามามากกว่าปกติ และบริเวณที่เรียกว่า South Atlantic Anomaly (พื้นที่ที่สนามแม่เหล็กโลกอ่อนกำลังลงอย่างปริศนา) ก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ เมื่อดาวเทียมดวงหนึ่งเสียระดับความสูง ดาวเทียมข้างเคียงที่สื่อสารกันด้วยเลเซอร์ก็จะปรับตำแหน่งตามโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะการเชื่อมต่อ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "คลื่น" (Waves) ที่ดาวเทียมทั้งแผงขยับขึ้นลงตามกันเป็นทอด ๆ
ปรากฏการณ์คลื่นนี้เองที่สร้างความเสี่ยง เพราะทำให้การคาดการณ์ตำแหน่งของดาวเทียมทำได้ยากขึ้น เพิ่มโอกาสที่จะเกิดการชนกับดาวเทียมดวงอื่นที่พยายามโคจรหลบหลีกเครือข่าย Starlink นอกจากนี้ ข้อมูลจากผู้ใช้งาน Starlink ผ่านบริการ RIPE Atlas ยังยืนยันว่าในช่วงพายุสุริยะครั้งนั้น เกิดเหตุการณ์เน็ตสะดุดและ Packet Loss (ข้อมูลที่ส่งไปไม่ถึงปลายทาง) พุ่งสูงขึ้นทันที
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Starlink เจ็บตัวจากพายุสุริยะ ย้อนไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ดาวเทียมที่เพิ่งปล่อยใหม่ ๆ เกือบ 40 ดวงก็ถูกพายุสุริยะซัดจนร่วงกลับสู่ชั้นบรรยากาศและเผาไหม้ไป นักวิจัยเตือนว่าพายุสุริยะในเดือนพฤษภาคม 2024 นั้น ยังมีความรุนแรงน้อยกว่าพายุในประวัติศาสตร์อย่าง Carrington Event เมื่อปี 1859 ถึง 3 เท่า หากเกิดพายุระดับนั้นขึ้นมาอีกครั้งในยุคที่ท้องฟ้าแน่นขนัดไปด้วยดาวเทียม ผลกระทบคงจะเลวร้ายกว่าที่คาดคิด
แม้ว่าช่วงพีคของกิจกรรมบนดวงอาทิตย์รอบถัดไปอาจจะอยู่ในช่วงปี 2040s แต่พายุรุนแรงก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเมื่อถึงวันนั้น จำนวนดาวเทียมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนดวง ปัญหานี้จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป... อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้เครือข่ายดาวเทียมเหล่านี้ก็ได้ทำหน้าที่เป็นสถานีวิจัยขนาดยักษ์ ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจผลกระทบของสภาพอวกาศได้ดีขึ้นไปในตัว
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้