Windows 10 ได้อัปเดตก่อนสุดท้าย ส่วน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่เพียบใน Patch Tuesday กันยายน
Patch Tuesday กันยายนมาพร้อมแพตช์แก้ช่องโหว่ 81 รายการ รวม 2 ช่องโหว่แบบ zero-day. Windows 10 เหลืออีกหนึ่งรอบอัปเดตก่อนสิ้นสุดซัพพอร์ต 14 ต.ค. ส่วน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่หลายจุดตั้งแต่ Copilot+ ไปจนถึง Windows Hello และ Settings. แนะนำให้องค์กรและผู้ใช้บ้านอัปเกรดไป Windows 11 หรือใช้ ESU แบบชั่วคราวถ้าจำเป็น.
ถึงเวลาอัปเดตรอบใหญ่ประจำเดือนอีกครั้งกับ Patch Tuesday กันยายน ทั้งผู้ใช้ Windows 10 และ Windows 11 จะได้แพตช์ด้านความปลอดภัยและแก้บั๊กสำคัญ แต่ภาพรวมชัดเจนว่า Microsoft เทน้ำหนักไปที่ Windows 11 มากขึ้น เพราะตั้งแต่ 14 ตุลาคมนี้ Windows 11 จะเป็นระบบที่ได้รับการซัพพอร์ตหลักเพียงตัวเดียว ขณะที่ Windows 10 รอบนี้ถือเป็นอัปเดตก่อนสุดท้ายก่อนหมดซัพพอร์ตอย่างเป็นทางการ
วิธีติดตั้งง่ายๆ ไปที่ Settings แล้วเข้า Windows Update บน Windows 10 จะอยู่ที่ Update & security จากนั้นกด Check for updates ได้เลย รอบนี้ Windows 10 จะได้รับแพตช์ KB5065429 ส่วน Windows 11 คือ KB5065426 เมื่อติดตั้งเสร็จให้รีสตาร์ตหนึ่งครั้งก็พร้อมใช้งาน
ด้านความปลอดภัย แพตช์รอบนี้อุดช่องโหว่ทั้งหมด 81 รายการ รวม 2 ช่องโหว่แบบ zero-day ได้แก่ CVE-2025-55234 ในโปรโตคอล SMB ที่อาจถูกดักจับข้อมูลยืนยันตัวตนระหว่างบริการได้ แม้จะกระทบองค์กรเป็นหลักแต่ผู้ใช้บ้านก็ควรอัปเดต และ CVE-2024-21907 ในไลบรารี .NET แบบโอเพ่นซอร์สที่ทำให้บริการล่มได้ นอกจากนี้ยังมีแพตช์ให้ส่วน Windows graphics and imaging, Hyper-V และ Microsoft Office พร้อมแก้บั๊กกวนใจอย่างแจ้งเตือน UAC โผล่ผิดจังหวะ พรีวิวใน Windows Search ไม่ขึ้น และเสียงที่แคสต์ไปทีวีหยุดเล่นเอง
สำหรับ Windows 10 รอบนี้มีแค่แก้บั๊กและแพตช์ความปลอดภัย ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ และจะเหลืออัปเดตใหญ่สุดท้ายในวันที่ 14 ตุลาคม วันเดียวกับที่สิ้นสุดซัพพอร์ต หลังจากนั้นใครอยากรับแพตช์ต่อ ต้องอัปเกรดเป็น Windows 11 หรือสมัคร Extended Security Updates (ESU) เพื่อรับอัปเดตความปลอดภัยต่ออีกหนึ่งปี โดยสามารถจ่ายค่าสมัคร ใช้ Microsoft points หรือใช้เครื่องมือ Windows Backup เพื่อสำรองและซิงก์ตั้งค่าไปคลาวด์เพื่อเข้าร่วม ESU ผู้เชี่ยวชี้แนะว่า ESU ควรเป็นทางผ่านชั่วคราวเพราะค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น และ Windows 11 มีสถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่ดีกว่าอย่างชัดเจน
ฝั่ง Windows 11 มีของใหม่เพียบ โดยเฉพาะบน Copilot+ PCs: ฟีเจอร์ Recall มีหน้าโฮมส่วนตัวที่สรุปกิจกรรมล่าสุดและแอปหรือเว็บที่ใช้บ่อย ตั้งค่าฟิลเตอร์เลือกสิ่งที่จะถูกบันทึกเป็นสแน็ปช็อตได้ มีแถบนำทางใหม่เข้าถึง Home, Timeline, Feedback, Settings และเมื่อเปิด Click to Do ครั้งแรกจะมีบทเรียนโต้ตอบสอนการรันคำสั่งจากทั้งข้อความและภาพ นอกจากนี้แถบงานแสดงนาฬิกาตัวใหญ่พร้อมวินาทีในศูนย์การแจ้งเตือน เครื่องมือค้นหาโชว์สถานะขณะค้นหา File Explorer แยกไอคอนระดับบนในเมนูคลิกขวาให้เห็นชัดขึ้น หน้าจอ Windows Hello ดีไซน์ใหม่เน้นการใช้ passkeys ที่ตั้งค่าและใช้ง่ายขึ้น และหน้า Settings ถูกปรับปรุงหลายจุด เช่น กล่องแจ้งเตือนการแอ็กทิเวตกับวันหมดอายุที่กลมกลืนกับดีไซน์ Windows 11 มีหน้าตรวจสอบว่าแอปภายนอกใดใช้โมเดล generative AI ที่ระบบให้บริการ และเอเจนต์ใน Settings บน Copilot+ PCs ขยายการรองรับจาก Snapdragon ไปยังเครื่อง AMD และ Intel แล้ว
สรุปสั้นๆ ถ้าเครื่องรองรับ แนะนำอัปเกรดเป็น Windows 11 ก่อนถึงเส้นตายเพื่อรับฟีเจอร์ใหม่และความปลอดภัยที่แน่นขึ้น ส่วนใครยังต้องอยู่กับ Windows 10 ให้ลงแพตช์กันยายนนี้ทันที และพิจารณา ESU เป็นแผนสำรองชั่วคราวสำหรับช่วงเปลี่ยนผ่าน ผู้ใช้บ้านที่เครื่องไม่รองรับควรคิดเรื่องเปลี่ยนเครื่องมากกว่าเสี่ยงใช้ระบบที่หมดซัพพอร์ต
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้