Tinder เอาจริง! เปิดตัว Face Check บังคับสแกนหน้าผู้ใช้ใหม่ ปราบแอคหลุม-สแกมเมอร์

Tinder แอปหาคู่ชื่อดัง ประกาศใช้ระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแบบบังคับสำหรับผู้ใช้ใหม่ในสหรัฐฯ หวังกำจัดบัญชีปลอม บอท และสแกมเมอร์ที่ระบาดหนักจนสร้างความเสียหายมหาศาล
Tinder แอปหาคู่ยอดฮิต ประกาศมาตรการใหม่แกะกล่อง บังคับให้ผู้ใช้ใหม่ทุกคนต้องยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าผ่านฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Face Check เพื่อสกัดกั้นบัญชีปลอม บอท และเหล่ามิจฉาชีพออนไลน์ (Scammer) ที่นับวันยิ่งระบาดหนัก สร้างความเสียหายจาก Romance Scam ไปแล้วเกือบ US$4.5 พันล้าน (≈ 1.64 แสนล้านบาท) ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาเฉพาะในสหรัฐฯ
หลักการทำงานของ Face Check คือ ระหว่างการสมัคร ผู้ใช้ใหม่จะต้องถ่ายวิดีโอเซลฟี่สั้นๆ เพื่อให้ระบบทำการตรวจสอบใบหน้าแบบเรียลไทม์ (Liveness Check) จากนั้นระบบจะสร้าง "Hash" ซึ่งเป็นข้อมูลทางคณิตศาสตร์เกี่ยวกับรูปทรงใบหน้า ไม่ใช่การเก็บรูปภาพใบหน้าตรงๆ แล้วนำไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลเพื่อป้องกันการสมัครซ้ำซ้อน Yoel Roth หัวหน้าฝ่ายความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ Match Group บริษัทแม่ของ Tinder ยืนยันว่าถึงข้อมูลนี้จะหลุดไป ก็แทบจะเอาไปทำอะไรต่อไม่ได้ และยังบอกติดตลกว่า “คุณเปลี่ยนเบอร์โทรใหม่ได้ เปลี่ยนอีเมลใหม่ได้ แต่คุณเปลี่ยนหน้าใหม่ไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ”
ที่น่าสนใจคือ การยกเครื่องเรื่องความปลอดภัยครั้งใหญ่นี้ เกิดขึ้นในจังหวะที่ Tinder กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ใช้แบบจ่ายเงินที่ลดลง 7% และเวลาที่คนใช้แอปน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด การเปิดตัว Face Check จึงเหมือนเป็นความพยายามกอบกู้ความเชื่อมั่นและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการแอปหาคู่ โดยฟีเจอร์นี้ได้ทดลองใช้แล้วในหลายประเทศ เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย และบางส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งบริษัทอ้างว่าช่วยลดรายงานเกี่ยวกับบัญชีมิจฉาชีพ (Bad Actor) ลงได้ถึง 40%
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้จะใช้ได้กับ "ผู้ใช้ใหม่" เท่านั้น ทำให้เกิดคำถามว่าแล้วบัญชีปลอมเก่าๆ ที่มีอยู่แล้วล่ะจะทำอย่างไร ซึ่งทาง Tinder ก็ยอมรับว่าเป้าหมายหลักคือการสกัดกั้น "การสร้างบัญชีปลอมจำนวนมากในคราวเดียว" ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้ โดย Match Group มีแผนจะนำระบบ Face Check ไปใช้กับแอปอื่นๆ ในเครืออย่าง Hinge และ OkCupid ในปีหน้าด้วย
ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าไม้แข็งครั้งนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงและเรียกผู้ใช้กลับมาได้ทันเวลาหรือไม่ ก่อนที่คนจะปัดหนีไปแอปอื่นกันหมด
*หมายเหตุ: อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน 1 USD ≈ 36.5 บาท
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้