ข้ามไปยังเนื้อหา

หมดยุค SEO! ต้อนรับ GEO กลยุทธ์ใหม่เอาใจ AI Chatbot

เทคโนโลยี
1 ครั้ง
0 ความเห็น
1 นาที
หมดยุค SEO! ต้อนรับ GEO กลยุทธ์ใหม่เอาใจ AI Chatbot
Photo by pixelcreatures on Pixabay
By Suphansa Makpayab
TL;DR

นักการตลาดและแบรนด์ต่าง ๆ กำลังเปลี่ยนกลยุทธ์จาก SEO ที่เน้น Google ไปสู่ GEO (Generative Engine Optimization) เพื่อให้สินค้าและบริการของตนปรากฏในผลลัพธ์ของ AI Chatbot ที่ผู้บริโภคหันมาใช้ค้นหาข้อมูลซื้อของมากขึ้น

ยุคที่นักการตลาดออนไลน์ต้องง้อ Google กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อผู้บริโภคจำนวนมาก โดยเฉพาะในอเมริกา หันไปใช้ AI Chatbot อย่าง ChatGPT เพื่อหาข้อมูลสินค้าและของขวัญในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีนี้แทนการ Search แบบเดิม ๆ ซึ่งรายงานจาก Adobe คาดการณ์ว่าทราฟฟิกจาก Chatbot และ AI Search จะพุ่งสูงขึ้นถึง 520% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จนทำให้ OpenAI ต้องรีบจับมือกับ Walmart เปิดให้ซื้อของผ่านหน้าต่างแชตได้โดยตรง

ปรากฏการณ์นี้ทำให้นักการตลาดต้องคิดใหม่ทำใหม่ จากเดิมที่ทุ่มเทกับการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อดันเว็บให้ติดอันดับต้น ๆ ใน Google ตอนนี้พวกเขาต้องหันมาสนใจกลยุทธ์ที่เรียกว่า GEO (Generative Engine Optimization) หรือการปรับแต่งคอนเทนต์ให้ถูกใจ AI ซึ่งกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อมที่มีมูลค่าคาดการณ์สูงถึงเกือบ US$850 ล้าน (≈ 3.1 หมื่นล้านบาท) ในปีนี้เลยทีเดียว

ที่น่าสนใจคือ GEO ไม่ใช่ของใหม่ซะทีเดียว แต่เป็นวิวัฒนาการขั้นต่อไปของ SEO โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน GEO หลายคนก็มาจากสาย SEO นี่แหละ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือสิ่งที่ AI ชอบ Imri Marcus, CEO ของบริษัท GEO ชื่อ Brandlight เผยว่า แต่ก่อนผลลัพธ์จาก Google กับสิ่งที่ AI อ้างอิงอาจจะทับซ้อนกันถึง 70% แต่ตอนนี้ลดลงเหลือไม่ถึง 20% แล้ว

Marcus อธิบายว่า AI Chatbot ไม่ได้ชอบบทความยาว ๆ เหมือนที่ Google เคยโปรดปราน แต่กลับชอบข้อมูลที่นำเสนอแบบเรียบง่าย มีโครงสร้างชัดเจน เช่น Bullet point หรือหน้า FAQ (คำถามที่พบบ่อย) เพราะหน้า FAQ หนึ่งหน้าสามารถตอบคำถามที่แตกต่างกันได้เป็นร้อย ๆ คำถาม เปิดโอกาสให้ AI เลือกไปตอบได้หลากหลายกว่า นอกจากนี้ ผู้คนมักถามคำถามที่เฉพาะเจาะจงมาก ๆ กับ Chatbot เช่น “รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น A กับ B รุ่นไหนวิ่งได้ไกลกว่ากัน” ดังนั้นการสร้างคอนเทนต์ที่ลงลึกในรายละเอียดจึงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามาก

แบรนด์ใหญ่อย่าง LG, Estée Lauder และ Aetna ก็เริ่มปรับกลยุทธ์ตามแนวทางนี้แล้ว Brian Franz, ผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของ Estée Lauder ยืนยันว่าบริษัทกำลังปรับข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้ AI “บริโภค” ได้ง่ายขึ้น และพร้อมจะร่วมมือกับ OpenAI ทันทีหากมีโอกาส โดยตอนนี้เป้าหมายหลักยังไม่ใช่การสร้างยอดขายโดยตรง (ROI) แต่เป็นการสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) ให้ได้ก่อน คือเมื่อมีคนถามคำถามที่เกี่ยวข้อง สินค้าของแบรนด์ต้องโผล่ขึ้นมาเป็นคำตอบ

และเรื่องที่ยิ้มมุมปากที่สุดก็คือ ในการสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ เพื่อเอาใจ AI นั้น บริษัทต่าง ๆ ก็หันไปใช้ AI มาช่วยสร้างคอนเทนต์อีกทีหนึ่ง กลายเป็นว่าความเชื่อที่ว่า “AI จะไม่เรียนรู้จากคอนเทนต์ที่ AI สร้าง” ก็อาจจะไม่จริงเสมอไป...ดูเหมือนว่าอีกไม่นาน สนามเด็กเล่นของนักการตลาดคงจะมีแต่ AI คุยกับ AI ก็เป็นได้

*หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้คำนวณคือ US$1 ≈ 36.5 บาท

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้