ข้ามไปยังเนื้อหา

Google ปล่อย AI ผู้ช่วยช้อปปิ้ง โทรเช็คของ-กดซื้อให้เองอัตโนมัติ

เทคโนโลยี
2 ครั้ง
0 ความเห็น
3 นาที
Google ปล่อย AI ผู้ช่วยช้อปปิ้ง โทรเช็คของ-กดซื้อให้เองอัตโนมัติ
By Suphansa Makpayab
TL;DR

Google อัปเดตฟีเจอร์ช้อปปิ้งครั้งใหญ่ด้วย AI ให้ผู้ใช้ค้นหาสินค้าด้วยภาษาพูด, ให้ Gemini ช่วยคิดไอเดีย, แถมยังมี AI โทรศัพท์ไปถามร้านค้าให้ และที่ล้ำสุดคือ AI ที่คอยเฝ้าราคาและกดสั่งซื้อสินค้าให้เองอัตโนมัติ

Google ยกระดับประสบการณ์นักช้อปไปอีกขั้น ด้วยการปล่อยอัปเดต AI ชุดใหญ่ที่ทำให้การจับจ่ายใช้สอยสะดวกสบายจนแทบไม่ต้องขยับนิ้ว ตั้งแต่การคุยกับ AI เพื่อหาสินค้า ไปจนถึงการให้ AI โทรเช็คของและกดซื้อให้เองโดยอัตโนมัติ

เริ่มต้นกันที่การอัปเดตใน Search AI Mode ที่ตอนนี้ฉลาดพอจะเข้าใจภาษาพูดคุยทั่วไปได้แล้ว เช่น ถ้าเราอยากได้ "สเวตเตอร์อุ่นๆ สีเอิร์ธโทนสำหรับไปนั่งจิบกาแฟยามบ่าย" Google ก็จะแสดงผลลัพธ์เป็นรูปภาพสินค้าพร้อมราคา, รีวิว, และสถานะสต็อกให้เสร็จสรรพ แถมยังสร้างตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติจากรีวิวของผู้ใช้งานจริงได้อีกด้วย ฟีเจอร์นี้ยังขยายไปถึงแอป Gemini ที่สามารถช่วยคิดไอเดียและสร้างลิสต์สินค้าให้เราได้เลย เช่น ของขวัญสำหรับนักศึกษา หรือของน่าซื้อช่วง Black Friday

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือความสามารถใหม่ของ Google ที่จะ "โทรไปที่ร้านค้า" เพื่อสอบถามข้อมูลแทนเราได้ ซึ่งน่าจะถูกใจคนที่มีความบกพร่องบางอย่าง, คนที่กังวลการเข้าสังคม (Social Anxiety) หรือแค่คนที่ไม่ชอบคุยโทรศัพท์ เมื่อเราค้นหาสินค้าใกล้ตัว จะมีตัวเลือก "ให้ Google โทร" ปรากฏขึ้นมา จากนั้น AI จะถามข้อมูลที่เราต้องการ แล้วโทรไปสอบถามร้านค้าให้ ก่อนจะส่งคำตอบกลับมาทางอีเมลหรือข้อความ โดยปัจจุบันจำกัดการใช้งานที่การจองคิว, เช็คเวลารอของร้านอาหาร, และเช็คราคากับสต็อกสินค้า

แต่ที่ล้ำไปกว่านั้น คือฟีเจอร์ AI Agent ที่ Google เคยเกริ่นไว้ในงาน I/O 2025 ซึ่งเริ่มปล่อยให้ใช้งานแล้ว AI ตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัว คอยเฝ้าดูราคาสินค้าที่เราเล็งไว้ และจะแจ้งเตือนเมื่อราคาลดลงถึงเป้าที่เราตั้งไว้ ที่พีคคือ มันสามารถ "กดสั่งซื้อสินค้าให้โดยอัตโนมัติ" ผ่าน Google Pay ได้เลย! แน่นอนว่า Google จะขออนุญาตเราก่อนทำการซื้อทุกครั้ง แต่ก็แอบน่าคิดเหมือนกันที่เรากำลังจะให้อำนาจ AI ในการใช้จ่ายเงินแทนเรา

ฟีเจอร์เหล่านี้ขับเคลื่อนด้วย Shopping Graph ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสินค้าและผู้ขายขนาดมหึมาจากทั่วโลกที่มีรายการสินค้ากว่า 5 หมื่นล้านรายการ การอัปเดตครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางข้อพิพาทระหว่าง Amazon และ Perplexity ที่มีเทคโนโลยีคล้ายกัน แต่ดูเหมือนว่า Google จะยังรอดตัวไปได้ เพราะการปล่อยฟีเจอร์ยังอยู่ในวงจำกัดและยังไม่รวม Amazon เข้ามาด้วย... งานนี้ก็ต้องบอกว่าสะดวกสบายขึ้นเยอะ แค่ระวังอย่าเผลอกดอนุญาตเพลินจนเงินหมดบัญชีไม่รู้ตัวแล้วกัน

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้