ข้ามไปยังเนื้อหา

ผู้ใช้ Starlink โวย! โดนหมายเตือนละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

เทคโนโลยี
2 ครั้ง
0 ความเห็น
1 นาที
ผู้ใช้ Starlink โวย! โดนหมายเตือนละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
Photo by Hunter Masters on Unsplash
By Suphansa Makpayab
TL;DR

ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink หลายคนได้รับจดหมายเตือนเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด สาเหตุหลักมาจากเทคโนโลยี CGNAT ที่ทำให้หลายบ้านต้องใช้ IP Address เดียวกัน จนอาจโดนเหมารวมไปด้วย

ใครที่ใช้เน็ตดาวเทียม Starlink อยู่แล้วเกิดได้รับจดหมายเตือนเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ขึ้นมา อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะคุณไม่ใช่คนเดียว! มีผู้ใช้งานจำนวนมากออกมาโวยวาย โดยเฉพาะใน Reddit ว่าโดนกล่าวหาว่าไปโหลดของเถื่อน ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด

เรื่องนี้มีที่มาที่ไปย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2013 ที่กลุ่มเจ้าของลิขสิทธิ์ใน Hollywood จับมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) สร้างระบบที่เรียกว่า Copyright Alert System เพื่อไล่จับคนที่โหลดคอนเทนต์ผิดกฎหมาย แม้ระบบนั้นจะล่มไปแล้ว แต่โครงสร้างการแจ้งเตือนยังคงอยู่ แถมตอนนี้ศาลยังกดดันให้ ISP จัดการกับลูกค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง ถึงขั้นเคยมีคดีฟ้องร้องกันเป็นมูลค่ากว่า US$1 พันล้าน (≈ 3.7 หมื่นล้านบาท) มาแล้วกับ Cox Communications

แต่คำถามคือ...ทำไม Starlink ถึงดูจะมีปัญหานี้มากกว่าเจ้าอื่น? คำตอบอยู่ที่เทคโนโลยีที่เรียกว่า CGNAT (Carrier-grade Network Address Translation) ซึ่งถ้าจะให้อธิบายง่าย ๆ ก็คือการที่ Starlink จัดสรร IP Address สาธารณะหนึ่งอัน ให้ลูกค้าหลาย ๆ บ้านใช้ร่วมกัน ผลก็คือ ถ้าเพื่อนบ้านของคุณคนใดคนหนึ่งดันไปโหลดหนังเถื่อนเข้า คุณก็อาจจะโดนหางเลขรับจดหมายเตือนไปด้วยแบบงง ๆ นั่นเอง

แล้วถ้าโดนแบบนี้จะทำยังไงดี? อันดับแรกเลยคือให้ยื่นเรื่องร้องเรียนไปที่ Starlink โดยตรงผ่านการ Submit Ticket ซึ่งจากเสียงของผู้ใช้ใน Reddit ก็พบว่าทางบริษัทค่อนข้างรับฟังและพร้อมจะตรวจสอบก่อนที่จะตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต

แต่ถ้าอยากแก้ปัญหาที่ต้นตอและป้องกันไว้ก่อน การใช้ VPN (Virtual Private Network หรือเครือข่ายส่วนตัวเสมือน) คือคำตอบที่ดีที่สุด เมื่อเปิดใช้งาน VPN กิจกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดของคุณจะถูกเข้ารหัสและซ่อนจาก ISP ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรหรือเชื่อมต่อจากที่ไหน

สำหรับ Starlink แนะนำให้ใช้ VPN ที่รองรับ Protocol ดังนี้

  • SSTP

  • OpenVPN

  • WireGuard

ส่วน Protocol อย่าง PPTP และ L2TP มักจะทำงานได้ไม่ดีนักกับ Starlink โดยค่าบริการ VPN ชั้นนำส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ US$10-15 ต่อเดือน (≈ 370-550 บาท) แต่ก็มีของฟรีที่ไว้ใจได้อย่าง Proton VPN ที่ CNET แนะนำ เพราะฉะนั้นใครจะเลือกใช้ของฟรีก็ต้องระวังกันนิดนึง เพราะบางเจ้าอาจแอบเอาข้อมูลเราไปขายต่อได้

น่าเสียดายนิดหน่อยตรงที่ Starlink ไม่ให้ติดตั้ง VPN ลงบน Router ของตัวเองโดยตรง ใครที่อยากจะคลุมทั้งบ้านในทีเดียว อาจจะต้องซื้อ Router แยกมาอีกตัวแล้วเปิดใช้งาน Bypass Mode ผ่านแอปของ Starlink เอา...ดูเหมือนว่าอยากจะท่องเน็ตแบบสบายใจไร้กังวล ก็อาจจะต้องลงทุนเพิ่มกันอีกสักหน่อยล่ะนะ

*หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้คำนวณคือ US$1 ≈ 37 บาท

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้