SpaceX สั่งปิด Starlink กว่า 2,500 จุดในเมียนมา หลังพบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลักลอบใช้

SpaceX สั่งปิดการใช้งานจานดาวเทียม Starlink กว่า 2,500 ชุดในเมียนมา หลังมีรายงานว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์และศูนย์ต้มตุ๋นออนไลน์ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาลักลอบนำไปใช้เป็นเครื่องมือหลักในการก่ออาชญากรรม
Lauren Dreyer รองประธานฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจของ Starlink ออกมาประกาศผ่าน X ว่า SpaceX ได้ทำการปิดสัญญาณ Starlink กว่า 2,500 ชุดในพื้นที่ต้องสงสัยว่าเป็นที่ตั้งของ ‘ศูนย์ต้มตุ๋น’ (Scam Centers) ในเมียนมา พร้อมย้ำว่าบริษัทปฏิบัติตามกฎหมายในทุกตลาดกว่า 150 แห่งที่ได้รับใบอนุญาต และจะดำเนินการทันทีเมื่อตรวจพบการละเมิดนโยบาย
ที่น่าสนใจคือ Starlink ยังไม่ได้รับใบอนุญาตให้เปิดบริการในเมียนมาอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ แต่กลับมีการลักลอบใช้งานกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่เต็มไปด้วยศูนย์อาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งการเคลื่อนไหวของ SpaceX เกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพเมียนมาบุกทลายปฏิบัติการต้มตุ๋นออนไลน์ครั้งใหญ่ในพื้นที่ที่รู้จักกันในชื่อ KK Park และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้กว่า 2,000 คน พร้อมยึดจานดาวเทียม Starlink ได้อีกหลายสิบชุด
ก่อนหน้านี้มีรายงานจากสำนักข่าว AFP ที่เผยให้เห็นภาพถ่ายดาวเทียมและโดรน แสดงให้เห็นการก่อสร้างอย่างบ้าคลั่งในพื้นที่คุ้มกันหนาแน่นแถบเมืองเมียวดี ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์อาชญากรรมเหล่านี้ และพบการใช้งาน Starlink ในสเกลที่ใหญ่มาก ศูนย์เหล่านี้ขึ้นชื่อเรื่องการค้ามนุษย์และความรุนแรง โดยบังคับให้เหยื่อที่ถูกหลอกมาทำงาน ต้องต้มตุ๋นคนอื่น ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง
ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ Maggie Hassan ได้ส่งจดหมายถึง Elon Musk โดยตรงเพื่อเรียกร้องให้ SpaceX หยุดยั้งการใช้ Starlink ในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่พุ่งเป้ามาที่ชาวอเมริกัน นอกจากนี้ รายงานจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ยังเคยระบุถึงการใช้ Starlink ในปฏิบัติการฉ้อโกงเหล่านี้มาแล้ว
ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีที่ตั้งใจจะเชื่อมต่อโลกให้ใกล้กัน ก็ดันไปเชื่อมต่อแก๊งอาชญากรให้ทำงานสะดวกขึ้นซะอย่างนั้น
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้