GPT-5 โชว์เหนือ! คิดสูตรวิจัยชีวภาพใหม่ ดันประสิทธิภาพพุ่ง 79 เท่า

GPT-5 ไม่ได้เก่งแค่แชทหรือเขียนโค้ด แต่ล่าสุดโชว์ศักยภาพในการ "คิดค้น" โปรโตคอลการทดลองทางชีววิทยาแบบใหม่ (Wet Lab) ที่มนุษย์ไม่เคยทำมาก่อน โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการโคลนนิ่งระดับโมเลกุลได้สูงถึง 79 เท่า พร้อมทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ทดลองได้จริง เปิดประตูสู่ยุคใหม่ที่ AI จะเป็นตัวเร่งสปีดวงการวิทยาศาสตร์โลก
ปกติเรามักเห็นความเก่งกาจของ AI ในโลกดิจิทัลอย่างคณิตศาสตร์หรือการเขียนโค้ด แต่รอบนี้ OpenAI พา GPT-5 ข้ามจักรวาลมาลุยงานวิจัยทางชีววิทยา (Wet Lab) ของจริง และผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำเอาวงการนักวิทย์ต้องหันมามองค้อน เพราะเจ้า AI ตัวนี้สามารถ "ออกแบบ" และ Optimize กระบวนการทดลองใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโคลนนิ่งระดับโมเลกุล (Molecular Cloning) ได้สูงถึง 79 เท่า เมื่อเทียบกับวิธีมาตรฐานที่มนุษย์ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ความน่าสนใจคือ GPT-5 ไม่ได้แค่สุ่มสูตรมั่วๆ แต่ใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ (Reasoning) จนค้นพบเทคนิคใหม่ที่ตั้งชื่อว่า RAPF-HiFi โดยการจับเอาเอนไซม์ 2 ตัวอย่าง RecA และ gp32 มาทำงานร่วมกันในแบบที่ตำราปกติไม่ค่อยทำ ซึ่งตัวหนึ่งทำหน้าที่สางปม DNA ส่วนอีกตัวช่วยนำทางจับคู่ ผลลัพธ์คือได้กระบวนการที่แม่นยำขึ้นแบบก้าวกระโดด มิหนำซ้ำยังไปรื้อขั้นตอนการเตรียมเซลล์ (Transformation) ด้วยวิธีที่นักวิจัยทั่วไปไม่กล้าทำ (เช่น การปั่นเหวี่ยงเซลล์แรงๆ) แต่ AI คำนวณแล้วว่า "เวิร์ก" และมันก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าจริงๆ เสียด้วย
งานนี้ไม่ได้มีแค่มนุษย์ที่เป็นลูกมือ เพราะมีการทดสอบใช้หุ่นยนต์จาก Robot on Rails มารับคำสั่งภาษาธรรมชาติจาก AI แล้วลงมือทดลองจริง แม้ความแม่นยำจะยังสู้มนุษย์ทำเองไม่ได้ 100% (หุ่นยนต์ทำได้ราวๆ 89% ของมนุษย์) แต่ก็นับเป็น Proof of Concept ที่ชัดเจนว่า ในอนาคตเรากำลังจะเข้าสู่ยุคที่ AI นั่งแท่น "หัวหน้าทีมวิจัย" คอยออกแบบการทดลอง แล้วให้หุ่นยนต์รับช่วงต่อ ซึ่งจะช่วยเร่งสปีดการค้นพบยาหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ให้เร็วขึ้นมหาศาล
แน่นอนว่าพอ AI เริ่มเก่งเรื่องการตัดต่อพันธุกรรมหรือชีวภาพ ความกังวลเรื่องความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ก็ต้องตามมาติดๆ ซึ่งทาง OpenAI ก็ย้ำว่าการทดลองนี้อยู่ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวดสุดๆ อ่านมาถึงตรงนี้นักวิจัยในแล็บอาจจะเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ กันบ้าง ไม่ใช่เพราะแอร์ในห้องแล็บมันเย็น แต่เพราะดูเหมือนว่า "ผู้ช่วย" คนใหม่คนนี้ ชักจะฉลาดเกินหน้าเกินตาไปหน่อยแล้ว
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้