ข้ามไปยังเนื้อหา

หมดเวลาสายดูด? Google ฟ้อง SerpApi ฐานขูดข้อมูลผลการค้นหาไปขายต่อ

เทคโนโลยี
4 ครั้ง
0 ความเห็น
2 นาที
หมดเวลาสายดูด? Google ฟ้อง SerpApi ฐานขูดข้อมูลผลการค้นหาไปขายต่อ
Photo by AS_Photography on Pixabay
By Suphansa Makpayab
TL;DR

Google ยื่นฟ้อง SerpApi บริษัทที่ทำธุรกิจดึงข้อมูลผลการค้นหา (Scraping) ไปขายต่อให้กับบริษัท AI อ้างทำเพื่อปกป้องเจ้าของเว็บไซต์และลิขสิทธิ์ข้อมูล แต่นักวิเคราะห์มองว่านี่คือการเดินเกมรุกเพื่อรักษาขุมทรัพย์ข้อมูล Search ในยุค AI หลังจากรอดพ้นคดีผูกขาดมาได้

สงครามชิงข้อมูลเดือดขึ้นอีกระลอก เมื่อ Google ตัดสินใจยื่นฟ้อง SerpApi บริษัทที่ทำธุรกิจ "ดูด" (Scrape) ผลการค้นหาหน้าแรกของ Google ไปขายต่อ โดยยักษ์ใหญ่ Search Engine ระบุว่านี่คือมาตรการขั้นเด็ดขาด (Last Resort) หลังจากที่อีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงและกฎหมายมาอย่างยาวนาน ด้วยการแปลงผลการค้นหา 10 ลิงก์สีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ให้กลายเป็นธุรกิจทำเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต

ประเด็นนี้ไม่ใช่แค่เรื่องลิขสิทธิ์ธรรมดา แต่เป็นเรื่องของ "ทองคำ" ในยุค AI เพราะ Google ไม่มี API สำหรับผลการค้นหาให้ใครใช้ (เนื่องจากหวงแหน Index ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก) ทำให้บริษัท AI หน้าใหม่อย่าง Perplexity ที่ต้องการข้อมูล Real-time จำเป็นต้องหันไปพึ่งพาบริการสายเทาอย่าง SerpApi แทน ซึ่ง Google อ้างว่าการกระทำของ SerpApi ไม่ใช่แค่ทำร้าย Google แต่ยังเป็นการละเมิดสิทธิ์ของเจ้าของเว็บไซต์ต่างๆ ที่ยอมให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูล (Crawl) ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม แต่ไม่ได้อนุญาตให้ SerpApi มาชุบมือเปิบเอาข้อมูลเหล่านั้นไปขายต่อ

ที่น่าสนใจคือจังหวะเวลา (Timing) ในการฟ้องร้อง เพราะ Google เพิ่งจะรอดพ้นจากคำสั่งศาลในคดีผูกขาด (Antitrust) ที่เกือบจะบังคับให้ต้องแชร์ข้อมูลการค้นหาให้คู่แข่ง เมื่อรอดตัวมาได้ Google จึงดูมีความมั่นใจมากขึ้นในการไล่บี้พวกสายดูดข้อมูล โดยระบุว่าพฤติกรรมของ SerpApi ในช่วงปีที่ผ่านมามีความ "หลอกลวง" มากขึ้น ทั้งการปลอม User Agent และระดมบอทถล่มเซิร์ฟเวอร์จนหนักข้อขึ้นทุกวันเพื่อตอบสนองความหิวโหยข้อมูลของเหล่า AI

การเชือดไก่ให้ลิงดูครั้งนี้อาจส่งผลดีต่อคู่แข่งอย่าง Bing หรือ Brave ที่มี API อย่างเป็นทางการขาย เพราะถ้าช่องทางสายเทาอย่าง SerpApi ถูกปิดตาย บรรดา Chatbot ทั้งหลายก็คงต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินซื้อข้อมูลแบบถูกลิขสิทธิ์แทน งานนี้ Google บอกทำด้วยเจตนาดีเพื่อปกป้องเว็บทั่วโลก แต่ดูทรงแล้วคนได้ประโยชน์ที่สุดก็น่าจะเป็น Google เองนั่น

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้