ข้ามไปยังเนื้อหา

Google ดัน AI Coding Agent 'Jules' เข้าถึงนักพัฒนามากขึ้น ด้วย CLI และ Public API

เทคโนโลยี
1 ครั้ง
0 ความเห็น
2 นาที
Google ดัน AI Coding Agent 'Jules' เข้าถึงนักพัฒนามากขึ้น ด้วย CLI และ Public API
Photo by Google DeepMind on Pexels
By Suphansa Makpayab
TL;DR

Google ได้อัปเดต Jules AI Coding Agent ด้วย CLI และ Public API เพื่อให้นักพัฒนาสามารถใช้งานได้สะดวกขึ้นในสภาพแวดล้อมการทำงานเดิม ลดการสลับหน้าจอ และช่วยให้การเขียนโค้ดด้วย AI เป็นเรื่องง่ายขึ้น

ช่วงนี้ Google เขาขยันจริง ๆ ครับพี่น้อง! ล่าสุดได้ผลักดัน AI Coding Agent ตัวเก่งอย่าง Jules ให้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของนักพัฒนาแบบลึกซึ้งขึ้น ด้วยการเปิดตัว Command-Line Interface (CLI) และ Public API ทำให้ Jules สามารถทำงานร่วมกับ Terminal, ระบบ CI/CD และเครื่องมือยอดฮิตอย่าง Slack ได้อย่างราบรื่น งานนี้บอกเลยว่า Google เขาเอาจริงเอาจังกับการเป็นผู้นำในโลกของการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI.

ก่อนหน้านี้ เจ้า Jules เนี่ย มันก็เป็น AI ตัวช่วยเขียนโค้ดที่เข้าถึงได้แค่ทางเว็บไซต์กับ GitHub เท่านั้น แต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Google ได้เปิดตัว Jules Tools ซึ่งเป็น CLI ที่พา Jules เข้าไปอยู่ใน Terminal ของนักพัฒนาโดยตรงเลยทีเดียว ทีนี้แหละ นักพัฒนาก็สามารถสั่งงาน Jules ผ่าน Command ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาสลับหน้าจอไปมาระหว่างเว็บกับ GitHub อีกต่อไป ลดการเปลี่ยน Context ได้เยอะเลยครับคุณผู้ชม Kathy Korevec, Director of Product ของ Google Labs บอกว่า "เราอยากลดการสลับบริบทของนักพัฒนาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" ฟังแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหมล่ะครับ

ที่น่าสนใจคือ Google เขาก็มี Gemini CLI อยู่แล้วนะ ซึ่งเป็นเครื่องมือ CLI ที่ใช้ AI เหมือนกัน แต่คุณ Korevec แย้มกับ TechCrunch ว่า Jules Tools เนี่ย เขาออกแบบมาสำหรับ "งานที่มีขอบเขตชัดเจน" ส่วน Gemini CLI จะเหมาะกับงานที่ต้อง "ทำซ้ำ ๆ และทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ มากขึ้น" Denise Kwan, Senior Developer Advocate ของ Google ก็เสริมใน Medium ว่า Jules จะทำงานแบบอิสระมากขึ้นหลังจากที่ผู้ใช้ยืนยันแผนงานแล้ว ไม่ต้องคอยโต้ตอบกันบ่อย ๆ เหมือน Gemini CLI ครับ

นอกจาก CLI แล้ว Google ยังเปิด Public API ของ Jules ด้วย ซึ่งแต่เดิมใช้ภายในองค์กรเท่านั้น การเปิด API ครั้งนี้ก็เพื่อให้นักพัฒนาสามารถนำ Jules ไปผนวกเข้ากับ Workflow เดิมที่คุ้นเคยได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องปรับตัวเยอะ ที่สำคัญคือ นักพัฒนายังสามารถใช้ API เพื่อเชื่อม Jules เข้ากับ Integrated Development Environment (IDE) อย่าง VS Code ได้อีกด้วย แต่คุณ Korevec ก็บอกว่าทีมงานก็อยากจะสร้าง Plug-in เฉพาะสำหรับ IDE ต่าง ๆ เพื่อขยายการเข้าถึงของ Jules ให้กว้างขวางยิ่งขึ้นอีก อนาคตคงได้เห็น Jules ไปโผล่ในทุกหนทุกแห่งแน่ ๆ ครับ

การอัปเดตล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Google เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ "Memory" ให้ Jules จดจำการโต้ตอบและความชอบของผู้ใช้ได้ และในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีฟีเจอร์อื่น ๆ เพิ่มเข้ามาอีกเพียบ เช่น การแสดง Diff Viewer แบบ Stacked, การอัปโหลดรูปภาพ และความสามารถในการอ่านและตอบกลับ Pull Requests ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Google กำลังมองหาทางลดการพึ่งพา GitHub ของ Jules ด้วย เพราะตอนนี้ Jules ยังต้องทำงานใน GitHub Repository อยู่เลย แต่คุณ Korevec บอกว่า "ผู้ใช้ต้องการให้ Jules เชื่อมต่อกับ Code Hosting Providers อื่น ๆ" และเขากำลังหาวิธีที่จะทำให้ Jules ทำงานกับ Version Control Systems อื่น ๆ ได้ หรือแม้แต่กับคนที่ไม่อยากใช้ Version Control System เลยก็ยังได้

แน่นอนว่าการดูแลเครื่องมือ AI ในสภาพแวดล้อมการทำงานจริงก็เป็นเรื่องท้าทาย แต่ Jules ถูกออกแบบมาให้แจ้งเตือนผู้ใช้ทันทีที่มันติดขัด เพื่อให้ผู้ใช้เข้ามาช่วยแก้ไข "ถ้าเกิดอะไรขึ้นที่มันติดปัญหา หรืออยู่ในสถานการณ์ที่มันแก้เองไม่ได้ มันจะหยุดแล้วถามคำถามผมทันที" คุณ Korevec กล่าว อย่างไรก็ตาม การใช้งานบนมือถือยังเป็นจุดที่ต้องพัฒนา เพราะยังไม่มี Native Notifications แต่ Google ก็กำลังปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานบนมือถือให้ดีขึ้นครับ

ถึงแม้ Jules จะถูกใช้งานหลัก ๆ โดยวิศวกรซอฟต์แวร์และมืออาชีพ แต่ก็มีบางคนนำไปใช้เสริมกับแพลตฟอร์ม Coding ที่เน้นความสบาย ๆ หรือสร้างสรรค์ด้วยนะ คุณ Korevec เล่าว่า "เราเห็นหลายคนนำโปรเจกต์ที่ทำจนสุดทางแล้วในเครื่องมือ Vibe Coding ที่ใช้อยู่ มาต่อยอดกับ Jules" Jules เปิดตัวใน Public Preview เมื่อเดือนพฤษภาคม และออกจาก Beta ในเดือนสิงหาคม ตอนนี้มีแพ็กเกจราคาแบบเป็นขั้น ๆ ด้วยนะ มีแบบฟรีที่ให้ใช้งาน 15 งานต่อวัน และ 3 งานแบบพร้อมกัน ส่วนใครที่อยากได้มากกว่านั้นก็ต้องสมัคร Google AI Pro หรือ Ultra ในราคา US$19.99 (≈ 720 บาท) และ US$124.99 (≈ 4,500 บาท) ต่อเดือน ซึ่งจะให้ลิมิตการใช้งานเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่าและ 20 เท่าตามลำดับ งานนี้ใครอยากลองก็จัดไปได้เลยครับ!

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้