DeepSeek พลิกวงการ! สอน AI จำแบบ 'ภาพถ่าย' แก้ปัญหาขี้ลืม-เปลืองพลังงาน

DeepSeek บริษัท AI จากจีน เปิดตัวโมเดลใหม่ที่อาจเปลี่ยนวิธีที่ AI 'จำ' ข้อมูล โดยเปลี่ยนจากการเก็บข้อมูลเป็นข้อความ (Token) มาเป็นการเก็บในรูปแบบภาพ ทำให้ประหยัดพลังงานและแก้ปัญหา AI 'ขี้ลืม' ในบทสนทนายาว ๆ ได้
DeepSeek บริษัท AI จากจีน ปล่อยของเด็ดอีกแล้ว! กับโมเดล AI ใหม่ที่อาจพลิกโฉมความสามารถในการ 'จดจำ' ของปัญญาประดิษฐ์ไปตลอดกาล ผ่านเทคนิคสุดล้ำที่เปลี่ยนวิธีเก็บข้อมูลแบบเดิม ๆ ให้มีประสิทธิภาพขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เรื่องของเรื่องคือ โมเดลตัวนี้เป็นระบบ OCR (Optical Character Recognition หรือเทคโนโลยีแปลงภาพตัวอักษรเป็นข้อความ) ที่ดูเผิน ๆ ก็เหมือนแอปสแกนเอกสารทั่วไป แต่เบื้องหลังกลับซ่อนนวัตกรรมที่แท้จริงเอาไว้ นั่นคือวิธีที่มันประมวลผลและจัดเก็บ 'ความทรงจำ' ซึ่งอาจช่วยลดการใช้พลังงานคอมพิวเตอร์มหาศาล และลด Carbon Footprint ของวงการ AI ที่กำลังโตวันโตคืนได้
ปัจจุบัน AI ส่วนใหญ่ใช้วิธีแตกข้อความออกเป็นหน่วยเล็ก ๆ ที่เรียกว่า Token ซึ่งยิ่งบทสนทนายาวขึ้นเท่าไหร่ จำนวน Token ก็ยิ่งพุ่งกระฉูด ทำให้เปลืองทั้งพื้นที่จัดเก็บและพลังประมวลผล จนเกิดปัญหาที่หลายคนเรียกว่า 'Context Rot' หรืออาการ 'ความจำเสื่อม' ที่ AI เริ่มลืมสิ่งที่เราคุยไปก่อนหน้าและให้ข้อมูลสับสน
แต่ DeepSeek มาพร้อมทางออกใหม่! แทนที่จะเก็บคำเป็น Token แบบเดิม ๆ ระบบของพวกเขาเลือกที่จะ 'บีบอัด' ข้อมูลตัวอักษรให้อยู่ในรูปแบบ 'ภาพ' คล้ายกับการถ่ายรูปหน้าหนังสือเก็บไว้ ซึ่งวิธีนี้ทำให้เก็บข้อมูลได้เกือบเท่าเดิม แต่ใช้จำนวน Token น้อยลงมาก ที่น่าสนใจคือมันยังใช้ระบบบีบอัดแบบลำดับชั้น (Tiered Compression) ที่ความทรงจำเก่า ๆ หรือที่ไม่สำคัญ จะถูกเก็บในรูปแบบที่ 'เบลอ' กว่าเล็กน้อยเพื่อประหยัดพื้นที่ คล้ายกับความทรงจำของมนุษย์ที่เลือนลางไปตามกาลเวลานั่นเอง
เทคนิคการใช้ 'Visual Token' แทน Text Token นี้ถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่และกำลังเป็นที่จับตาของวงการ Andrej Karpathy อดีตหัวหน้าทีม AI ของ Tesla และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI ถึงกับออกปากชมผ่าน X (Twitter) ว่าสุดท้ายแล้ว 'ภาพ' อาจเป็น Input ที่ดีกว่า 'ข้อความ' ด้วยซ้ำ ขณะที่นักวิจัยจาก Northwestern University ก็มองว่านี่เป็นแนวทางใหม่ที่น่าตื่นเต้นในการแก้ปัญหาความจำของ AI และอาจนำไปสู่การสร้าง AI Agent ที่มีประโยชน์มากขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงก้าวแรกของการสำรวจเทคนิคนี้ นักวิจัยยังหวังว่าจะเห็นการนำไปประยุกต์ใช้กับการ 'ใช้เหตุผล' ไม่ใช่แค่การจดจำ และพัฒนาให้การลืมของ AI เป็นไปตามความสำคัญของข้อมูล ไม่ใช่แค่ลืมตามลำดับเวลาก่อนหลัง แต่ดูเหมือนว่า DeepSeek ที่ถึงแม้จะพยายามทำตัวเงียบ ๆ ก็ได้สร้างชื่อเสียงในการเป็นผู้บุกเบิกวงการ AI ไปอีกครั้ง... ไม่แน่ว่ายักษ์ใหญ่ฝั่งตะวันตกอาจต้องหันมามองคู่แข่งจากจีนรายนี้อย่างจริงจังเสียแล้ว
*อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 29 ต.ค. 2025: US$1 = 32.38 บาท
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้