ข้ามไปยังเนื้อหา

พบร่องรอยชีวิตในหลุมอุกกาบาตโบราณ เผยสิ่งมีชีวิตฟื้นตัวเร็วกว่าที่คิด

วิทยาศาสตร์
1 ครั้ง
0 ความเห็น
3 นาที
พบร่องรอยชีวิตในหลุมอุกกาบาตโบราณ เผยสิ่งมีชีวิตฟื้นตัวเร็วกว่าที่คิด
(ภาพหลัก) ภาพของดาวเคราะห์น้อยริวกุ (Ryugu) ที่ถ่ายโดยภารกิจฮายาบูสะ2 (Hayabusa2) ของญี่ปุ่น (ขวาบน) ตัวอย่างชิ้นส่วนของริวกุที่มอบให้กับนักวิทยาศาสตร์ของนาซา (ขวาล่าง) ภาพวาดจำลองของแบคทีเรียดาวเคราะห์น้อยอย่างริวกุอาจเป็นกุญแจสำคัญต่อการเกิดชีวิตยุคแรกบนโลก (เครดิตภาพ: Robert Lea (สร้างด้วย Canva)/NASA/JAXA, มหาวิทยาลัยโตเกียว, มหาวิทยาลัยโคจิ, มหาวิทยาลัยริกเคียว, มหาวิทยาลัยนาโกยา, สถาบันเทคโนโลยีชิบะ, มหาวิทยาลัยเมจิ, มหาวิทยาลัยไอซุ, AIST)
By Suphansa Makpayab
TL;DR

ทีมนักวิจัยค้นพบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วที่เคยอาศัยอยู่ในหลุมอุกกาบาตโบราณในฟินแลนด์เมื่อ 78 ล้านปีก่อน โดยพบว่าพวกมันเข้าไปตั้งรกรากหลังเหตุการณ์พุ่งชนเพียง 4 ล้านปี ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้มาก

การพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดใหญ่มักจะทำลายล้างทุกชีวิตในบริเวณนั้นจนสิ้นซาก แต่ผลพวงจากหายนะครั้งนั้นกลับอาจกลายเป็นเหมือน "ตู้ฟัก" ชั้นดีให้กับสิ่งมีชีวิตได้เช่นกัน นี่คือสิ่งที่งานวิจัยล่าสุดจากทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาหลุมอุกกาบาตในฟินแลนด์ค้นพบ โดยพวกเขาเจอแร่ธาตุที่บ่งชี้ว่ามีจุลินทรีย์เข้าไปอาศัยอยู่หลังเหตุการณ์พุ่งชนเพียง 4 ล้านปีเท่านั้น

สถานที่เกิดเหตุคือทะเลสาบ Lappajärvi ในฟินแลนด์ ซึ่งแท้จริงแล้วคือแอ่งที่เกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนโลกเมื่อประมาณ 78 ล้านปีก่อน จนล่าสุดพื้นที่นี้ได้รับการประกาศเป็นอุทยานธรณีโลก (Geopark) จาก UNESCO ไปเมื่อปี 2024 ที่น่าสนใจคือ ทีมวิจัยนำโดย Jacob Gustafsson และ Henrik Drake จาก Linnaeus University ในสวีเดน ต้องการหาคำตอบว่าสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กใช้เวลานานแค่ไหนในการกลับมาตั้งรกรากในพื้นที่ที่ถูก "ฆ่าเชื้อ" ด้วยความร้อนสูงถึง 2,000°C

ทีมงานได้เดินทางไปที่คลังเก็บตัวอย่างหินเจาะแห่งชาติของฟินแลนด์ เพื่อวิเคราะห์แท่งหินที่ถูกเจาะขึ้นมาจากใต้ทะเลสาบ Lappajärvi ตั้งแต่ยุค 80 และ 90 พวกเขาคัดเลือกตัวอย่างหินที่มีรอยแตกหรือรูพรุน เพื่อมองหาผลึกแร่ Calcite และ Pyrite ขนาดจิ๋วที่ก่อตัวขึ้นภายในช่องว่างเหล่านั้น Gustafsson ถึงกับเอ่ยว่า “มันน่าทึ่งมากที่เราสามารถค้นพบเรื่องราวมากมายได้จากผลึกเล็ก ๆ เหล่านี้”

ด้วยการใช้เทคนิคการหาอายุด้วยยูเรเนียม-ตะกั่ว (Uranium-lead dating) และการวิเคราะห์ไอโซโทป (Isotope) ของธาตุต่าง ๆ นักวิจัยสามารถอ่าน "ลายเซ็นทางเคมี" ที่จุลินทรีย์ทิ้งไว้ในแร่ได้ เพราะจุลินทรีย์แต่ละชนิดจะเลือกใช้ไอโซโทปบางตัวเป็นพิเศษ ทำให้พวกเขาสามารถย้อนรอยไปถึงกิจกรรมของสิ่งมีชีวิตในอดีตได้

ผลการวิเคราะห์เผยว่า พื้นที่นี้ใช้เวลาถึง 4 ล้านปีในการเย็นตัวลงเหลือประมาณ 50°C ซึ่งช้ากว่าหลุมอุกกาบาตขนาดใกล้เคียงกันที่อื่น ๆ อย่างมาก และช่วงเวลานี้เองที่จุลินทรีย์กลุ่มแรกซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนซัลเฟตเป็นซัลไฟด์ได้เริ่มปรากฏตัวขึ้น จากนั้นอีกประมาณ 10 ล้านปีต่อมา เมื่ออุณหภูมิลดลงเหลือราว 30°C จุลินทรีย์ที่ผลิตมีเทนก็เข้ามาอยู่อาศัยแทน

การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่ให้ข้อมูลเชิงลึกว่าชีวิตสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วแค่ไหนหลังเหตุการณ์หายนะ แต่ยังชี้ให้เห็นว่าหลุมอุกกาบาตอาจเป็นหนึ่งในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะบนโลกหรือดาวเคราะห์ดวงอื่น ส่วนตอนนี้นักวิจัยก็คงต้องเก็บข้าวของและส่งคืนตัวอย่างหินล้ำค่ากลับสู่คลังสมบัติของฟินแลนด์เขาแล้ว

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้