ข้ามไปยังเนื้อหา

มนุษย์จะสูญพันธุ์ปี 2339? งานวิจัยใหม่โดนสับเละว่าคิดไปเอง

วิทยาศาสตร์
1 ครั้ง
0 ความเห็น
1 นาที
มนุษย์จะสูญพันธุ์ปี 2339? งานวิจัยใหม่โดนสับเละว่าคิดไปเอง
Photo by Oxana Melis on Unsplash
By Suphansa Makpayab
TL;DR

งานวิจัยชิ้นหนึ่งทำนายว่ามนุษย์จะสูญพันธุ์ในอีก 314 ปีข้างหน้า แต่กลับถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงความน่าเชื่อถือ เพราะดันใช้ข้อมูลแค่ 5 ปี ซึ่งรวมช่วงโรคระบาดใหญ่ มาคาดการณ์อนาคตอีกสามศตวรรษ

มีข่าวร้าย (ที่อาจจะไม่จริง) มาบอกกัน เมื่อนักประชากรศาสตร์ David Swanson และ Jeff Tayman เผยแพร่งานวิจัยที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบ (Non-peer-reviewed) บนเซิร์ฟเวอร์ SocArXiv ฟันธงว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะสูญสิ้นไปจากโลกภายในปี 2339 หรือในอีกแค่ 314 ปีข้างหน้า ทำเอาหลายคนเลิกคิ้วสงสัย

เหตุผลของพวกเขานั้นเรียบง่ายจนน่าตกใจ โดยอ้างว่าเมื่อดูจากอัตราการเจริญพันธุ์ที่ลดลงระหว่างปี 2019 ถึง 2024 ประชากรโลกที่ปัจจุบันมีราว 8.1 พันล้านคน จะลดลงเหลือศูนย์ในปี 2339 ซึ่งนักวิจารณ์ก็รีบออกมาเบรกทันทีว่า การนำข้อมูลจากช่วงเวลาแค่ 5 ปี มาคาดการณ์อนาคตอีกสามศตวรรษกว่า ๆ เป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช่วง 5 ปีที่ว่านั้น ดันมี ‘เหตุการณ์ใหญ่ระดับโลก’ บางอย่างที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเกิดอย่างมหาศาลรวมอยู่ด้วย

แม้ว่าทีมวิจัยจะอ้างว่าใช้ถึง 3 วิธีการคำนวณที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็น Cohort Component Method, Hamilton-Perry Method หรือแม้แต่ Espenshade-Tayman Method ก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้การคาดการณ์นี้ดูน่าเชื่อถือขึ้นมาเลย จนหลายคนแอบคิดว่านี่เป็นงานวิจัยเชิงเสียดสีหรือเปล่า แต่เมื่อพบว่า Swanson ได้นำเสนองานนี้ในที่ประชุมวิชาการจริง ๆ ก็คงต้องบอกว่า... เขาจริงจังแหละ

เรื่องราวทำนองนี้ไม่ได้มีแค่วงการประชากรศาสตร์ เพราะล่าสุดอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ก็ออกมาเรียกประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่าเป็น ‘เรื่องหลอกลวง’ (Con job) แถมยังบอกว่าพลังงานลมนั้น ‘น่าสมเพช’ (Pathetic) สวนทางกับข้อมูลที่ว่าพลังงานหมุนเวียนได้แซงหน้าถ่านหินขึ้นเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้วในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 สงสัยคนกลุ่มนี้อาจจะไปอ่านงานวิจัยสูญพันธุ์แล้วคิดว่าปี 2339 มันนานเกินรอ

ปิดท้ายด้วยเรื่องเบา ๆ จากวารสารสังคมศาสตร์ Socius ที่มีคนไปทำวิจัยหัวข้อ ‘ความยาวของบทขอบคุณในหนังสือสังคมวิทยา’ ซึ่งพบว่านักเขียนหญิงมักจะเขียนบทขอบคุณยาวกว่านักเขียนชาย ที่น่าสนใจคือ ตัวผู้เขียนงานวิจัยชิ้นนี้ก็ยอมรับว่า ‘รู้สึกเหมือนโดนบังคับ’ ให้ต้องเขียนบทขอบคุณในงานของตัวเองให้ยาวตามไปด้วย... ก็ถือเป็นเรื่องให้ยิ้มมุมปากได้ ท่ามกลางข่าววันสิ้นโลกแล้วกันนะ

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้