แคนาดาสูญสถานะปลอดโรคหัดในรอบ 27 ปี หลังเชื้อกลับมาระบาดหนัก

แคนาดาสูญเสียสถานะประเทศปลอดโรคหัด (Measles) ที่รักษามาได้ตั้งแต่ปี 1998 อย่างเป็นทางการ หลังองค์การอนามัยแพนอเมริกัน (PAHO) ประกาศว่าเชื้อไวรัสได้กลับมาระบาดอย่างต่อเนื่องในประเทศอีกครั้ง ซึ่งส่งผลให้ทั้งทวีปอเมริกาต้องเสียสถานะนี้ไปด้วย
องค์การอนามัยแพนอเมริกัน (PAHO) ประกาศข่าวร้ายว่า แคนาดาได้สูญเสียสถานะการกำจัดโรคหัดได้สำเร็จไปแล้ว หลังจากที่เชื้อไวรัสกลับมาระบาดอย่างต่อเนื่องนานกว่า 12 เดือน ทำให้โรคหัดถูกจัดว่าเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) อีกครั้ง การสูญเสียสถานะของแคนาดาในครั้งนี้ ยังฉุดให้ทั้งภูมิภาคอเมริกา ซึ่งเคยประกาศเป็นเขตปลอดโรคหัดได้ในปี 2016 ต้องเสียสถานะนี้ตามไปด้วย โดยปัจจุบันแคนาดาเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่เชื้อแพร่กระจายในระดับโรคประจำถิ่น แม้ว่าเพื่อนบ้านอย่างสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโกจะกำลังเดินตามมาติด ๆ ก็ตาม
สำหรับสถานะ “ปลอดโรค” จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประเทศนั้น ๆ ไม่มีผู้ป่วยจากการระบาดในประเทศต่อเนื่องเป็นเวลา 12 เดือน แต่ยังอาจพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากต่างประเทศได้บ้าง แต่เมื่อไหร่ที่เชื้อเริ่มระบาดติดต่อกันเองในประเทศเกิน 1 ปี สถานะนี้ก็จะถูกยกเลิกไป แคนาดาเคยทำสำเร็จในปี 1998 ตามหลังสหรัฐอเมริกาที่ทำได้ในปี 2000 ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากแคมเปญรณรงค์ฉีดวัคซีน MMR ที่มีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้ถึง 97%
แต่แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนและวาทกรรมจากกลุ่มต่อต้านวัคซีน ซึ่งรวมถึง Robert F. Kennedy Jr. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ คนปัจจุบัน เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น ส่งผลให้อัตราการฉีดวัคซีนในระดับประชากรลดลงอย่างน่าใจหาย แม้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังคงพาลูกไปฉีดวัคซีน แต่ก็มีบางชุมชนที่อัตราการฉีดวัคซีนต่ำมากจนกลายเป็นช่องโหว่ให้ไวรัสกลับมาได้
สถานการณ์ในแคนาดาเริ่มเลวร้ายตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 โดยเริ่มระบาดหนักที่รัฐ New Brunswick ก่อนจะลามไปทั่วประเทศ ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน พบผู้ป่วยโรคหัดแล้วถึง 5,162 รายนับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งผลการตรวจสอบทางพันธุกรรมยืนยันว่าเป็นเชื้อสายพันธุ์เดิมที่ระบาดต่อเนื่องมาเกิน 12 เดือนแล้ว แม้การระบาดจะชะลอตัวลง แต่ก็ยังพบผู้ป่วยใหม่อยู่เรื่อย ๆ
ที่น่ากังวลคือไม่ใช่แค่แคนาดาที่กำลังเผชิญศึกหนัก เพราะสหรัฐฯ ก็มีผู้ป่วยสะสมแล้วอย่างน้อย 1,618 ราย ส่วนเม็กซิโกมีถึง 5,185 ราย นอกจากนี้ยังมีรายงานการระบาดในโบลิเวีย บราซิล ปารากวัย และเบลีซด้วย โดย PAHO รายงานว่าทั่วทั้งทวีปอเมริกามีผู้ป่วยยืนยันแล้ว 12,593 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2024 ถึง 30 เท่า และน่าเศร้าที่การกลับมาครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 28 ราย
อย่างไรก็ตาม Jarbas Barbosa ผู้อำนวยการ PAHO ยังมองโลกในแง่ดีว่าสถานะนี้สามารถเอากลับคืนมาได้ เหมือนที่เวเนซุเอลาและบราซิลเคยทำสำเร็จมาแล้วในปี 2024 พร้อมเรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมมือกันเร่งฉีดวัคซีนและเฝ้าระวังอย่างจริงจัง... งานนี้ก็ต้องดูกันว่ามนุษยชาติจะกำจัดโรคที่เคยเกือบจะหายไปแล้วได้อีกครั้ง หรือจะยอมแพ้ให้กับข้อมูลลวง ๆ บนโลกออนไลน์กันแน่
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้