ข้ามไปยังเนื้อหา

OpenAI เผยข้อมูลน่าห่วง ผู้ใช้ ChatGPT นับล้านคุยเรื่องสุขภาพจิตกับ AI

เทคโนโลยี
9 ครั้ง
0 ความเห็น
2 นาที
OpenAI เผยข้อมูลน่าห่วง ผู้ใช้ ChatGPT นับล้านคุยเรื่องสุขภาพจิตกับ AI
Photo by Zac Wolff on Unsplash
By Suphansa Makpayab
TL;DR

OpenAI เปิดเผยข้อมูลว่าผู้ใช้งาน ChatGPT กว่าล้านคนต่อสัปดาห์มีการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตและแนวโน้มการฆ่าตัวตายกับ AI ทำให้บริษัทต้องเร่งพัฒนาระบบตอบสนองให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก

OpenAI ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ทำให้หลายคนต้องหันมามอง เมื่อพบว่าผู้ใช้งาน ChatGPT จำนวนมากกำลังใช้ AI เป็นเพื่อนคุยเรื่องปัญหาสุขภาพจิต โดยระบุว่าในแต่ละสัปดาห์ มีผู้ใช้กว่า 1 ล้านคน (คิดเป็น 0.15% ของผู้ใช้ทั้งหมด) มีบทสนทนาที่บ่งชี้ถึงการวางแผนหรือความตั้งใจที่จะฆ่าตัวตายอย่างชัดเจน

ปัญหานี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น OpenAI ยังยอมรับว่ามีผู้ใช้หลายแสนคนต่อสัปดาห์ที่แสดงอาการของโรคจิต (Psychosis) หรือภาวะฟุ้งพล่าน (Mania) ในการพูดคุยกับ Chatbot รวมถึงผู้ใช้จำนวนใกล้เคียงกันที่แสดง 'ความผูกพันทางอารมณ์ในระดับสูง' กับ ChatGPT ซึ่งแม้บริษัทจะบอกว่าเป็นกรณีที่ 'เกิดขึ้นได้ยากมาก' แต่ตัวเลขที่เปิดเผยออกมาก็สะท้อนว่านี่เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ OpenAI ต้องรีบจัดการ ไม่ใช่แค่เพื่อภาพลักษณ์ แต่ยังเกี่ยวข้องกับคดีความที่บริษัทกำลังถูกพ่อแม่ของเด็กวัย 16 ปีฟ้องร้อง หลังจากลูกชายของพวกเขาปรึกษาเรื่องความคิดฆ่าตัวตายกับ ChatGPT ก่อนจะจบชีวิตลงจริง ๆ ทำให้บริษัทต้องเร่งปรับปรุงโมเดล โดยอ้างว่าได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตกว่า 170 คน และโมเดลล่าสุดอย่าง GPT-5 ก็ตอบสนองต่อประเด็นอ่อนไหวได้สอดคล้องกับแนวทางที่ต้องการถึง 91% จากเดิมที่โมเดลรุ่นก่อนทำได้ 77%

ที่น่าสนใจคือ ในขณะที่ Sam Altman, CEO ของ OpenAI, พยายามสร้างความเชื่อมั่นว่าบริษัทสามารถ 'บรรเทาปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง' ได้แล้ว เขากลับประกาศว่าจะผ่อนคลายข้อจำกัดบางอย่างลง เพื่อให้ผู้ใช้ที่เป็นผู้ใหญ่สามารถมีบทสนทนาเชิงอีโรติกกับ AI ได้ นอกจากนี้ โมเดลรุ่นเก่าที่ปลอดภัยน้อยกว่าอย่าง GPT-4o ก็ยังคงเปิดให้สมาชิกแบบเสียเงินใช้งานต่อไป

ดูเหมือนว่าในขณะที่ OpenAI พยายามปิดประตูหนึ่งเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพจิต ก็แอบเปิดอีกประตูไว้ต้อนรับความบันเทิงรูปแบบอื่น ๆ... ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าการเดินเกมสองหน้าแบบนี้จะส่งผลอย่างไรในระยะยาว

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้