OpenAI คุมเข้ม ChatGPT ใหม่ เอาใจผู้ปกครอง แต่ผู้ใหญ่บางคนโอดเหมือนโดนคุม

เรื่องของเรื่องคือ OpenAI ต้องรีบขยับตัวยกใหญ่ หลังจาก ChatGPT รุ่นก่อน ๆ ดันไปเออออห่อหมกกับความคิดของผู้ใช้ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์น่าสลดที่วัยรุ่นคนหนึ่งเสียชีวิตหลังพูดคุยกับแชตบอตนานหลายเดือน ทำให้บริษัทถูกฟ้องร้องในคดี wrongful death (การเสียชีวิตโดยมิชอบ) ไปเต็ม ๆ

ของใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือระบบ Safety Routing ที่จะคอยดักจับบทสนทนาที่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ แล้วสลับไปใช้โมเดล GPT-5-thinking กลางอากาศทันที เพราะเชื่อว่าเป็นรุ่นที่เก่งกาจพอจะรับมือกับเรื่องคอขาดบาดตายได้ดีกว่า โดยเฉพาะฟีเจอร์ที่เรียกว่า “safe completions” ที่ฝึกให้ AI ตอบคำถามล่อแหลมได้อย่างปลอดภัย แทนที่จะปฏิเสธลูกเดียวเหมือนที่เคยเป็น

ตรงนี้ทำให้หลายคนนึกถึง GPT-4o รุ่นก่อนหน้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความขี้เอาใจและเห็นดีเห็นงามไปซะทุกเรื่อง ซึ่งแม้จะสร้างปัญหา แต่ก็มีแฟนคลับเหนียวแน่น พอ OpenAI จะเปลี่ยนมาใช้รุ่นใหม่ หลายคนถึงกับโวยวายขอใช้รุ่นเก่าต่อไปก็มี

แน่นอนว่าพอมีฟีเจอร์ใหม่ ก็มีทั้งเสียงชื่นชมและเสียงวิจารณ์ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นด้วยกับมาตรการนี้ แต่ผู้ใช้บางกลุ่มกลับรู้สึกว่า OpenAI ระแวงเกินเหตุ จนทำให้ประสบการณ์การใช้งานแย่ลง เหมือนโดนปฏิบัติราวกับเป็นเด็กน้อย ซึ่งทาง Nick Turley รองประธานของ ChatGPT ก็ออกมายอมรับผ่าน X ว่าเข้าใจดีถึงปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าระบบจะสลับโมเดลแค่ชั่วคราวเป็นรายข้อความไป และบริษัทขอเวลา 120 วันในการปรับปรุงให้มันเข้าที่เข้าทาง

นอกจากนี้ยังมี Parental Controls หรือฟีเจอร์สำหรับผู้ปกครอง ที่ให้พ่อแม่เข้ามาตั้งค่าการใช้งานของลูกหลานได้ ตั้งแต่กำหนดเวลาพัก, ปิดโหมดเสียง, ปิดการสร้างภาพ ไปจนถึงการปกป้องเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม แถมยังมีระบบตรวจจับสัญญาณที่บ่งชี้ว่าวัยรุ่นอาจกำลังคิดสั้น หากระบบเจออะไรน่าสงสัย ทีมงานจะรีบแจ้งเตือนผู้ปกครองทันที

OpenAI ก็ยอมรับแมน ๆ ว่าระบบอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบและอาจมีแจ้งเตือนผิดพลาดบ้าง แต่ก็มองว่า “แจ้งเตือนไว้ก่อนดีกว่านิ่งเฉย”... งานนี้ก็ต้องรอดูกันไปว่า ChatGPT จะกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กดิจิทัลที่ไว้ใจได้ หรือจะกลายเป็นเพื่อนคุยขี้ฟ้องที่ทำให้ผู้ใหญ่รำคาญใจกันแน่