OpenAI ส่ง AI แฮกตัวเอง! เสริมแกร่ง ChatGPT Atlas ป้องกัน Prompt Injection

OpenAI ยกระดับความปลอดภัย ChatGPT Atlas ด้วย Automated Red Teaming ที่ขับเคลื่อนโดย Reinforcement Learning ให้ AI ไล่ล่าหาช่องโหว่ Prompt Injection และปิดรอยรั่วก่อนถูกโจมตีจริง พร้อมแนะผู้ใช้จำกัดการล็อกอินเพื่อลดความเสี่ยง
ในยุคที่ AI Agent เริ่มเข้ามามีบทบาทเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่ “คลิก” และ “ท่องเว็บ” แทนเราได้จริง ฟีเจอร์ Agent Mode ใน ChatGPT Atlas จึงกลายเป็นเป้าหมายใหม่ที่หอมหวานสำหรับแฮกเกอร์ ล่าสุด OpenAI ได้ออกมาเปิดเผยถึงมาตรการความปลอดภัยใหม่ที่ฟังดูเหมือนพล็อตหนังไซไฟ นั่นคือการสร้างระบบ “Automated Red Teaming” ที่ขับเคลื่อนด้วย Reinforcement Learning เพื่อมาโจมตีระบบของตัวเอง โดยเป้าหมายหลักคือการป้องกันการโจมตีแบบ Prompt Injection ที่กำลังเป็นภัยคุกคามใหญ่ในวงการ AI ขณะนี้
ต้องเข้าใจก่อนว่า Prompt Injection ในบริบทของ Agent ไม่ใช่แค่การหลอกให้ AI พูดคำหยาบ แต่มันคือการฝังคำสั่งร้ายกาจลงในอีเมลหรือหน้าเว็บ เพื่อ “ไฮแจ็ค” การทำงานของ Agent ตัวอย่างที่ OpenAI ยกมาให้เห็นภาพคือ แฮกเกอร์อาจส่งอีเมลที่มีคำสั่งซ่อนอยู่ เมื่อเราสั่งให้ ChatGPT Atlas ช่วยเช็กอีเมล มันอาจจะเผลออ่านคำสั่งนั้นแล้วส่ง “จดหมายลาออก” ไปหาเจ้านายของคุณแทนที่จะส่งอีเมลตอบกลับอัตโนมัติ (Out-of-Office) ตามที่คุณตั้งใจไว้ ซึ่งความน่ากลัวคือ Agent มีสิทธิ์เข้าถึงเบราว์เซอร์เหมือนที่คุณมี ทำให้ความเสียหายอาจลามไปถึงการทำธุรกรรมหรือลบไฟล์สำคัญได้เลย
เพื่อแก้เกมนี้ OpenAI จึงไม่ได้รอให้วัวหายแล้วล้อมคอก แต่ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) มาฝึกให้เป็น “Attacker” หรือผู้โจมตีระดับพระกาฬ โดยใช้เทคนิค Reinforcement Learning (RL) ฝึกให้ AI ตัวนี้เรียนรู้จากความผิดพลาดและลองผิดลองถูกจนกว่าจะเจอช่องโหว่ที่ซับซ้อน (Long-horizon exploits) ซึ่งมนุษย์อาจมองข้ามไป ระบบนี้จะจำลองสถานการณ์การโจมตีนับพันรูปแบบใน Simulator ก่อนที่ฟีเจอร์จะถูกปล่อยถึงมือผู้ใช้จริง ทำให้ OpenAI สามารถอุดรูรั่วได้ทันท่วงที เรียกว่าเป็นการใช้ AI สู้กับ AI เพื่อปกป้องมนุษย์อย่างเรานี่เอง
ที่น่าสนใจคือ OpenAI มองว่าเรื่องนี้ไม่มีวันจบ (Cat-and-mouse game) เหมือนกับการวิ่งไล่จับสแกมเมอร์บนโลกออนไลน์ ทีมงานจึงสร้าง “Rapid Response Loop” หรือวงจรการตอบโต้แบบด่วนจี๋ เมื่อ AI ฝั่งโจมตีเจอท่าไม้ตายใหม่ๆ ทีมพัฒนาจะนำข้อมูลนั้นมาเทรน Agent ให้แข็งแกร่งขึ้นทันที นอกจากนี้ยังแนะนำผู้ใช้ว่า เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรใช้ Logged-out Mode เมื่อไม่จำเป็นต้องล็อกอินเว็บไซต์ และให้คำสั่งที่เฉพาะเจาะจงกับ Agent แทนคำสั่งกว้างๆ เพื่อลดโอกาสที่ AI จะออกนอกลู่นอกทาง
การขยับตัวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความท้าทายของ AI ยุคหน้าไม่ใช่แค่ความฉลาด แต่คือความปลอดภัยที่ต้อง “รู้ทัน” เล่ห์เหลี่ยมใหม่ๆ เสมอ สุดท้ายแล้ว แม้เราจะมี AI คอยเฝ้าระวังให้ แต่ผู้ใช้อย่างเราก็คงต้องมีสติทุกครั้งก่อนกด Confirm เพราะถึง AI จะฉลาดแค่ไหน แต่มันก็ยังแยกไม่ออกหรอกว่าจดหมายลาออกฉบับนั้น คุณอยากส่งจริงๆ หรือแค่โดนแฮกเกอร์ปั่นหัวเล่น
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้