ข้ามไปยังเนื้อหา

NVIDIA ปัดฝุ่นข่าวลือ! ยัน RTX 5090 ยังผลิตปกติ แค่คนแห่ซื้อจนของขาดตลาด

เทคโนโลยี
1 ครั้ง
0 ความเห็น
3 นาที
NVIDIA ปัดฝุ่นข่าวลือ! ยัน RTX 5090 ยังผลิตปกติ แค่คนแห่ซื้อจนของขาดตลาด
Photo by Andrey Matveev on Pexels
By Suphansa Makpayab
TL;DR

NVIDIA ออกโรงสยบข่าวลือ ยืนยันการ์ดจอซีรีส์ GeForce RTX 50 ทั้งหมด รวมถึงรุ่นท็อป RTX 5090 ยังคงผลิตและวางจำหน่ายตามปกติ โดยชี้แจงว่าปัญหาของขาดตลาดเกิดจากความต้องการที่สูง ไม่ใช่การหยุดผลิตแต่อย่างใด

NVIDIA ออกโรงเคลียร์ชัด ๆ หลังมีข่าวลือหนาหูว่าบริษัทอาจเตรียมยกเลิกการผลิต (EOL) การ์ดจอตัวท็อปอย่าง GeForce RTX 5090 โดยยืนยันว่าสายการผลิตยังคงเดินหน้าตามปกติสำหรับ RTX 50 Series ทุกรุ่น ไม่ได้มีแผนจะหยุดผลิตตามที่ลือกันว่อนเน็ตแต่อย่างใด

ต้องยอมรับว่า GeForce RTX 5090 คือการ์ดจอตัวท็อปสำหรับเกมเมอร์ในยุคนี้จริง ๆ ด้วยสเปคจัดเต็มกว่า 21,000 คอร์, แรม GDDR7 ขนาด 32 GB บนสถาปัตยกรรม Blackwell ล่าสุด พร้อมเทคโนโลยี DLSS MFG และ AI อีกเพียบ แต่ที่น่าสนใจคือ นอกจากคอเกมแล้ว กลุ่มคนทำ AI ระดับเริ่มต้นก็นิยมนำการ์ดจอรุ่นนี้ไปใช้ใน Workstation เพราะถึงแม้ราคาจะสูงกว่า US$2,000 (≈ 64,760 บาท) แต่ก็ยังถูกกว่าการ์ดจอสำหรับมืออาชีพอย่าง RTX PRO 6000 Blackwell ที่มีราคาสูงถึง US$9,000-10,000 (≈ 291,420 - 323,800 บาท) อยู่หลายเท่าตัว

ข่าวลือเรื่องการหยุดผลิตครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกระแสข่าวว่า NVIDIA จะเปิดตัวรุ่น "SUPER" ในเดือนตุลาคม แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววใด ๆ จุดที่อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดในรอบนี้ คือการที่การ์ดจอ RTX 5090 Founders Edition (FE) หายไปจากหน้าร้านค้าออนไลน์ของ NVIDIA ซึ่งทางบริษัทได้ชี้แจงว่าการ์ด FE นั้นเป็นสินค้ารุ่น Limited Edition ที่ผลิตจำนวนจำกัด การที่ของหมดสต็อกและกลับมาเติมเป็นพัก ๆ ถือเป็นเรื่องปกติ

เมื่อทาง Wccftech สอบถามไปยัง NVIDIA ก็ได้รับคำตอบที่ตรงไปตรงมาว่า "การ์ดจอ GeForce RTX 50-Series ทุกรุ่นยังคงมีวางจำหน่าย" ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่การหยุดผลิต แต่เป็นเพราะความต้องการในตลาดที่สูงมากจนสินค้าขาดสต็อกในบางร้านค้า ซึ่งเป็นสัญญาณว่าดีมานด์นั้นพุ่งแรงแซงกำลังการผลิตปกติไปแล้ว

สำหรับสถานการณ์ราคาตอนนี้ ข้อมูลจาก PCPartPicker ชี้ว่าราคาเฉลี่ยของ RTX 5090 อยู่ที่ราว US$3,000 (≈ 97,140 บาท) ซึ่งลดลงมาจากช่วงไม่กี่เดือนก่อนที่เคยพุ่งไปถึง US$3,500 (≈ 113,330 บาท) แม้จะมีบางช่วงที่ราคาลงมาใกล้เคียงกับราคาเปิดตัว (MSRP) ที่ US$1,999 (≈ 64,727 บาท) แต่ไม่นานก็ดีดกลับขึ้นไปอีกครั้ง

สรุปง่าย ๆ คือของไม่ได้เลิกผลิต แค่คนแย่งกันซื้อจนของขาดตลาดเฉย ๆ ใครที่กำเงินรออยู่ก็...สู้ ๆ กันต่อไป

*หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 29 ต.ค. 2025 (US$1 = 32.38 บาท)

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้