เปิด 8 อาหารใกล้ตัว แหล่งซ่อน 'ไมโครพลาสติก' ที่เราอาจกินอยู่ทุกวัน

งานวิจัยเผย คนอเมริกันบริโภคอนุภาคไมโครพลาสติกปีละหลายหมื่นชิ้นจากอาหารในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่อาหารทะเลไปจนถึงถุงชาและน้ำดื่มบรรจุขวด แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเรื่องอันตราย แต่ก็มีวิธีลดความเสี่ยงที่เราทำได้
รู้หรือไม่ว่าในแต่ละปี เราอาจกำลังกินอนุภาคพลาสติกขนาดจิ๋ว (Microplastics) เข้าไปมากถึง 39,000 ถึง 52,000 ชิ้นโดยไม่รู้ตัว! เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย เพราะมันแฝงตัวอยู่ในอาหารและภาชนะที่เราใช้กันทุกวัน ตั้งแต่กล่องข้าว Takeaway ไปจนถึงวัตถุดิบในครัว ซึ่ง CNET ได้รวบรวมข้อมูลและปรึกษาแพทย์เพื่อหาคำตอบว่าอาหารประเภทไหนกันแน่ที่เสี่ยงสูง และเราจะเลี่ยงมันได้อย่างไร
คำถามสำคัญคือ แล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่า 'อันตราย'? Dr. Joseph Mercola แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวให้ความเห็นว่า ปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดระดับที่ปลอดภัยหรืออันตรายอย่างเป็นทางการ แต่ทางที่ดีที่สุดคือการรับให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลาสติกจิ๋วเหล่านี้ปนเปื้อนมาได้หลายทาง ตั้งแต่การเกษตรที่ใช้พลาสติกคลุมดิน เมล็ดพันธุ์เคลือบพลาสติก หรือแม้แต่น้ำที่ใช้รดพืชผัก ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เราคุ้นเคยกันดี
แม้ว่าองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) จะมองว่าหลักฐานในปัจจุบันยังไม่ชี้ชัดว่าไมโครพลาสติกในอาหารเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพ แต่การป้องกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย และนี่คือ 8 อาหารยอดฮิตที่มีแนวโน้มจะปนเปื้อนไมโครพลาสติกสูง
- อาหารทะเล: พลาสติกที่ไหลลงสู่ทะเลจะถูกแพลงก์ตอนกินเข้าไป แล้วสัตว์ทะเลอย่างปลาและหอยก็กินแพลงก์ตอนต่อเป็นทอด ๆ จนสุดท้ายก็มาอยู่บนจานของเรา ทางเลี่ยงคือลดการกินสัตว์ทะเลที่หากินตามหน้าดินหรือกรองกินเป็นอาหาร เช่น หอยแมลงภู่ หอยนางรม และเลือกซื้ออาหารทะเลที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ถุงชา: ถุงชาหลายยี่ห้อใช้ Polypropylene ในการผลิต ซึ่งเมื่อเจอกับน้ำร้อน ก็จะปล่อยอนุภาคพลาสติกออกมานับล้านชิ้น ทางที่ดีคือเปลี่ยนไปใช้ชาแบบใบ (Loose-leaf tea) แล้วชงกับที่กรองชาสแตนเลสแทน
- ข้าว: งานวิจัยพบว่าข้าวสารครึ่งถ้วยมีพลาสติกปนเปื้อน 3-4 มิลลิกรัม และถ้าเป็นข้าวสวยสำเร็จรูป ตัวเลขจะพุ่งไปถึง 13 มิลลิกรัม! แต่ข่าวดีคือการซาวข้าวด้วยน้ำสะอาดสามารถลดการปนเปื้อนลงได้ 20-40%
- เกลือและน้ำตาล: งานศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า 90% ของแบรนด์เกลือที่สุ่มตรวจทั่วโลกมีการปนเปื้อนไมโครพลาสติก ซึ่งมาจากทั้งแหล่งน้ำในธรรมชาติและกระบวนการผลิต ทางเลี่ยงคือเลือกซื้อยี่ห้อที่บรรจุในขวดแก้วหรือกล่องกระดาษ
- น้ำดื่มบรรจุขวด: หนึ่งในแหล่งสะสมไมโครพลาสติกและนาโนพลาสติกที่ใหญ่ที่สุด โดยในน้ำ 1 ลิตรอาจมีอนุภาคพลาสติกมากถึง 240,000 ชิ้น ซึ่งหลุดออกมาจากขวด PET เมื่อถูกบีบหรือโดนความร้อน การหันมาดื่มน้ำประปาที่ผ่านเครื่องกรองแล้วใส่ในขวดแก้วหรือสแตนเลสจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
- น้ำผึ้ง: แม้จะอยู่ในโหลแก้ว แต่น้ำผึ้งก็อาจมีไมโครพลาสติกปนเปื้อนมาได้จากมลภาวะในอากาศที่ผึ้งไปสัมผัสมา การเลือกซื้อน้ำผึ้งจากผู้เลี้ยงผึ้งในท้องถิ่นอาจช่วยลดความเสี่ยงได้
- ผักและผลไม้: พืชสามารถดูดซับไมโครพลาสติกจากดินผ่านทางรากได้ โดยงานวิจัยพบว่าแอปเปิลและแครอทเป็นผลไม้และผักที่ปนเปื้อนมากที่สุด การล้างให้สะอาด ปอกเปลือก และเลือกซื้อผักผลไม้ออร์แกนิกจะช่วยได้
- โปรตีนแปรรูป: ยิ่งแปรรูปมาก ยิ่งเสี่ยงมาก! งานวิจัยพบว่าโปรตีนจากพืชหรือสัตว์ที่ผ่านการแปรรูปสูง เช่น นักเก็ตไก่ กุ้งชุบเกล็ดขนมปัง จะมีไมโครพลาสติกปนเปื้อนสูงกว่าเนื้อสัตว์สด ๆ
Dr. Mercola เตือนว่าไมโครพลาสติกที่กินเข้าไปสามารถสะสมในระบบไหลเวียนเลือดและอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงสมอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการอักเสบและทำลายเนื้อเยื่อได้ แถมยังอาจรบกวนสมดุลฮอร์โมนอีกด้วย คำแนะนำง่าย ๆ ในการลดความเสี่ยงคือ หลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติกสำหรับอาหารมัน ๆ เปลี่ยนมาใช้ภาชนะแก้วหรือสแตนเลส และลดการใช้อุปกรณ์ครัวที่เป็นพลาสติก
ถึงจะหนีไมโครพลาสติกไม่พ้น 100% เพราะมันอยู่รอบตัวเราไปหมด แต่อย่างน้อยการรู้ทันและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดีกว่าการปล่อยให้ตัวเองกินพลาสติกเข้าไปเรื่อย ๆ โดยไม่ทำอะไรเลย... จริงไหม?
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้