Meta สั่งพนักงาน Metaverse ใช้ AI เร่งสปีดทำงาน 5 เท่า ไม่ใช่แค่ 5%

Vishal Shah ผู้บริหารฝ่าย Metaverse ของ Meta ส่งสารภายในถึงพนักงาน กระตุ้นให้ทุกคนใช้ AI ช่วยทำงานเร็วขึ้น 5 เท่า ไม่ใช่แค่ 5% ตอกย้ำทิศทางใหม่ของบริษัทที่ Mark Zuckerberg ต้องการให้ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทุกกระบวนการทำงาน
Vishal Shah รองประธานฝ่าย Metaverse ของ Meta ส่งข้อความภายในถึงพนักงานแบบชัด ๆ ตรง ๆ ว่า ให้ทุกคนหันมาใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้เร็วขึ้น 5 เท่า ไม่ใช่แค่ดีขึ้น 5% ซึ่งเรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดย 404 Media ที่ได้เอกสารดังกล่าวมา โดยเป้าหมายของ Meta นั้นเรียบง่ายแต่ท้าทายสุด ๆ คือทำให้การใช้ AI กลายเป็นนิสัย ไม่ใช่ของเล่นใหม่ และต้องถูกผนวกเข้ากับทุกขั้นตอนการทำงาน ไม่เว้นแม้แต่ตำแหน่งที่ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์
สารจากผู้บริหารระบุชัดว่า “ผมอยากเห็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (PMs), นักออกแบบ (Designers) และทีมอื่น ๆ พับแขนเสื้อลงมือสร้างต้นแบบ, แก้บั๊ก, และขยายขอบเขตของสิ่งที่เป็นไปได้” ซึ่งนี่คือการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ Mark Zuckerberg ที่เคยประกาศไว้ว่า โค้ดส่วนใหญ่ของบริษัทจะถูกเขียนโดย AI ภายใน 12-18 เดือนข้างหน้า หลังจากที่แผนก Metaverse ได้เผาเงินไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์กับผลิตภัณฑ์ที่ยังมีคนใช้น้อยมาก
ที่น่าสนใจคือ การผลักดันครั้งนี้สะท้อนความกลัวของพนักงานในวงการเทคโนโลยี ที่ไม่ได้กังวลแค่ว่าจะถูก AI แทนที่ แต่ยังกังวลว่าจะถูกคาดหวังให้ทำงานหนักขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดด้วยเครื่องมือ AI ซึ่งมันก็แอบตีความได้ว่า ผลงานของมนุษย์เพียว ๆ นั้นอาจไม่ดีพออีกต่อไปในสายตาผู้บริหาร เหมือนที่ Andy Jassy CEO ของ Amazon เคยพูดไว้ว่า AI จะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและอาจนำไปสู่การลดจำนวนพนักงาน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง วิศวกรซอฟต์แวร์มากประสบการณ์หลายคนกลับมองว่า การใช้ AI เขียนโค้ด หรือที่เรียกกันว่า “Vibe Coding” กำลังสร้างวิกฤตใหม่ เพราะมันมักจะทิ้งบั๊กและข้อผิดพลาดที่แก้ไขได้ยากเอาไว้ ทำให้สุดท้ายแล้ววิศวกรมนุษย์ต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงคอยตามเช็ดล้างโค้ดที่ AI สร้างทิ้งไว้
อย่างไรก็ตาม Meta ยังคงเดินหน้าเต็มกำลัง โดยตั้งเป้าให้พนักงาน Metaverse ถึง 80% นำ AI ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันภายในสิ้นปีนี้ พร้อมจัดอีเวนต์อบรม “Metaverse day of AI learning” เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนทดลองและเรียนรู้ ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าการเร่งสปีด 5 เท่านี้ จะสร้างนวัตกรรมสุดล้ำ หรือสร้างหนี้ทางเทคนิค (Technical Debt) ก้อนโตให้ตามแก้กันทีหลัง
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้