ข้ามไปยังเนื้อหา

เบื้องหลัง Sora Android: ทีมจิ๋ว 4 คนกับ 28 วันมหัศจรรย์ด้วยพลัง GPT-5.1-Codex

เทคโนโลยี
15 ครั้ง
0 ความเห็น
2 นาที
เบื้องหลัง Sora Android: ทีมจิ๋ว 4 คนกับ 28 วันมหัศจรรย์ด้วยพลัง GPT-5.1-Codex
Photo by Christina Morillo on Pexels
By Suphansa Makpayab
TL;DR

OpenAI เผยเบื้องหลังการสร้างแอป Sora สำหรับ Android ที่ใช้เวลาเพียง 28 วัน ด้วยทีมวิศวกรแค่ 4 คน ร่วมกับ AI Agent อย่าง Codex (GPT-5.1) โดยเปลี่ยนวิธีการทำงานจากการเขียนโค้ดเอง เป็นการ 'สั่งงานและตรวจทาน' เหมือนมี Senior Engineer มาช่วย พร้อมเผยเทคนิค Cross-platform แบบใหม่ที่ไม่ต้องพึ่ง Framework กลาง

เชื่อว่าหลายคนคงได้ลองเล่น Sora บน Android กันไปแล้ว แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นกว่าฟีเจอร์คือ "เบื้องหลังการสร้าง" ที่ OpenAI ออกมาแฉหมดเปลือก (ในทางที่ดี) ว่าแอประดับ Production ที่มีความเสถียร (Crash-free) ถึง 99.9% นี้ ถูกสร้างขึ้นในเวลาเพียง 28 วัน โดยใช้ทีมวิศวกรเพียง 4 คนเท่านั้น! เคล็ดลับไม่ใช่เวทมนตร์ แต่คือการใช้งาน Codex (ซึ่งรันบนโมเดล GPT-5.1-Codex รุ่นใหม่ล่าสุด) เข้ามาช่วยรุมสกรัมโค้ดจนเสร็จทันเวลา โดยมีการใช้ Token ไปมหาศาลถึง 5 พันล้าน Token ตลอดโครงการ

ที่น่าสนใจคือ OpenAI ไม่ได้โยนงานให้ AI ทำมั่วๆ แต่พวกเขามอง Codex เป็นเหมือน "Senior Engineer คนใหม่" ที่เก่งแต่ต้องการ Context ทีมงานต้องเตรียมไฟล์ AGENTS.md เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์และสไตล์การเขียนโค้ดให้ชัดเจน เหมือนการทำ Onboarding พนักงานใหม่ ผลลัพธ์คือ Codex เข้ามาช่วยเขียน Unit Test, แปลงโค้ด, และเสนอไอเดียแก้บั๊ก ทำให้มนุษย์มีเวลาไปโฟกัสที่สถาปัตยกรรม (Architecture) และประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) แทนที่จะมานั่งพิมพ์โค้ดงกๆ เงิ่นๆ

อีกประเด็นที่สะเทือนวงการคือแนวคิดเรื่อง Cross-platform ทีมงานไม่ได้ใช้ React Native หรือ Flutter แต่ใช้วิธี "แปลภาษา" ตรงๆ โดยให้ Codex อ่านโค้ด iOS (Swift) ที่มีอยู่แล้ว แล้วเขียนใหม่เป็น Android (Kotlin) โดยรักษา Logic เดิมไว้ OpenAI ถึงกับเคลมว่า "อนาคตของ Cross-Platform ก็คือ Codex นี่แหละ" เพราะมันเข้าใจบริบทและแปลความหมายได้ลึกซึ้งกว่าการใช้ Framework ครอบจักรวาลที่อาจมีข้อจำกัด

สรุปแล้ว การมาของ AI ไม่ได้ทำให้งานวิศวกรรมซอฟต์แวร์ง่ายขึ้นแบบไม่ต้องคิด แต่มันเปลี่ยนบทบาทจาก "ผู้เล่นดนตรี" เป็น "วาทยกร" (Conductor) ที่ต้องคอยควบคุมวงออร์เคสตราของ AI Agent หลายตัวให้ทำงานประสานกัน คอขวดของการทำงานย้ายจากการ "พิมพ์โค้ด" ไปอยู่ที่การ "ตัดสินใจและตรวจงาน" แทน ใครที่คิดว่า AI จะมาเขียนโค้ดแทนมนุษย์ 100% อาจต้องคิดใหม่ เพราะถ้าไม่มีคนเก่งๆ คอยคุมทิศทาง งานนี้อาจจะได้แค่โค้ดขยะกองโตก็ได้นะ

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้