ข้ามไปยังเนื้อหา

Apple Watch อัปเกรดฟีเจอร์ใหม่! ตรวจจับความดันโลหิตสูงได้แล้ว

เทคโนโลยี
2 ครั้ง
0 ความเห็น
1 นาที
Apple Watch อัปเกรดฟีเจอร์ใหม่! ตรวจจับความดันโลหิตสูงได้แล้ว
Photo by Marta Branco on Pexels
By Suphansa Makpayab
TL;DR

Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Hypertension Detection บน Apple Watch รุ่นใหม่และรุ่นที่อัปเดต WatchOS 26 ซึ่งได้รับการรับรองจาก FDA แล้ว โดยจะช่วยตรวจจับความดันโลหิตสูงจากการติดตามผล 30 วัน พร้อมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์หากพบความผิดปกติ

ในที่สุด Apple ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่น่าสนใจอย่าง Hypertension Detection หรือการตรวจจับภาวะความดันโลหิตสูง สำหรับ Apple Watch รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนนี้ รวมถึงรุ่นเก่าที่สามารถอัปเดตเป็น WatchOS 26 ได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้ได้รับการรับรองจาก FDA (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) เป็นที่เรียบร้อย ตอกย้ำความน่าเชื่อถือทางคลินิกในการตรวจจับความดันโลหิตสูงของผู้ใช้งาน Apple Watch

ที่น่าสนใจคือ Apple ใช้ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมการศึกษามากกว่า 100,000 คน ในการพัฒนาฟีเจอร์นี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าการตรวจจับภาวะความดันโลหิตสูงนั้นมีประสิทธิภาพและแม่นยำ โดย Hypertension Detection จะทำการมอนิเตอร์ความดันโลหิตของผู้ใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อวัดปริมาณเลือดในร่างกาย หลังจากครบกำหนด ผู้ใช้งานจะได้รับการประเมินว่าความดันโลหิตของตนเองอยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้สำหรับภาวะความดันโลหิตสูง

อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อวัดความดันโลหิตแบบรายวันหรือรายชั่วโมง และไม่สามารถวัดค่าความดันโลหิตแบบทันทีได้ แต่เป็นการตรวจจับในระยะยาว เพื่อให้เห็นภาพรวมของสุขภาพความดันโลหิตอย่างแท้จริง เพราะการวัดเพียงครั้งเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะสะท้อนถึงภาวะความดันโลหิตได้อย่างครบถ้วน ซึ่ง Apple Watch รุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้คือ Series 11 และ Ultra 3 รวมถึงรุ่น Series 9 และ Ultra 2 ขึ้นไปที่สามารถอัปเดต WatchOS 26 ได้ ส่วน Apple Watch SE ยังไม่รองรับฟีเจอร์นี้

สำหรับวิธีการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ก็ไม่ยาก แค่เข้าไปที่แอปพลิเคชัน Health บน iPhone เลือกปุ่ม Search แล้วไปที่แท็บ Heart จากนั้นเลื่อนลงไปที่ 'Get More From Health' และเลือก 'Set Up' สำหรับการแจ้งเตือนความดันโลหิตสูง ส่วนใครที่อยากใช้ฟีเจอร์นี้ ก็แค่ใส่ Apple Watch เป็นเวลา 30 วัน แล้วนาฬิกาจะแจ้งเตือนผลลัพธ์ให้ทราบ หากพบว่าค่าเฉลี่ย 30 วันสูงกว่าเกณฑ์ Apple ก็แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจสอบข้อมูลที่นาฬิการวบรวมไว้ และอาจแนะนำให้ผู้ใช้ทำการวัดความดันโลหิตด้วยเครื่องวัดแบบดั้งเดิมควบคู่กันไป

ผู้ใช้งานยังสามารถบันทึกค่าความดันโลหิต diastolic (ค่าความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัว) ประจำวันผ่านฟีเจอร์ Hypertension ได้ และที่สะดวกไปกว่านั้นคือ สามารถส่งออกข้อมูลเป็นไฟล์ PDF เพื่อส่งให้คุณหมอดูได้อีกด้วย นับเป็นการยกระดับการดูแลสุขภาพที่สะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าลืมนะครับว่า Apple Watch เป็นเพียงเครื่องมือช่วยตรวจจับเบื้องต้น การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้