AI พลิกเกม: ยุค 'เรียนโค้ด' กำลังจะจบ? อาชีพไหนรอด-อาชีพไหนร่วง

ผลสำรวจจาก SHRM ชี้ว่า AI อาจไม่ได้มาแทนที่งานอย่างที่กลัวกัน โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ปฏิสัมพันธ์สูงอย่างพยาบาลกลับรุ่ง สวนทางกับงานสายเทคนิคอย่างโปรแกรมเมอร์ที่เสี่ยงกว่า แต่ก็ยังมีอุปสรรคอีกมากที่ทำให้ AI ยังแทนที่คนไม่ได้ทั้งหมด
จากที่เคยบอกกันว่าอยากมีอนาคตที่มั่นคงให้ “เรียนโค้ด” มาวันนี้คำแนะนำอาจต้องเปลี่ยนเป็น “ไปเรียนพยาบาล” แทน เมื่อผลสำรวจล่าสุดจาก SHRM (องค์กรตัวแทนผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคล) ชี้ว่าอาชีพสายวิศวกรซอฟต์แวร์และงานที่เน้นคณิตศาสตร์กับคอมพิวเตอร์ กลับเป็นกลุ่มที่เสี่ยงถูก AI เข้ามาแทนที่มากที่สุด
ผลสำรวจจากคนทำงานในสหรัฐฯ กว่า 20,000 คน พบว่า แม้ 15.1% ของตำแหน่งงานทั้งหมด (ราว 23.2 ล้านตำแหน่ง) จะมี Task กว่าครึ่งที่ถูกระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยทำ แต่มีเพียง 6% (ราว 9.2 ล้านตำแหน่ง) เท่านั้นที่เข้าข่าย “เปราะบาง” และเสี่ยงต่อการถูกแทนที่จริง ๆ ตัวเลขนี้สวนทางกับคำทำนายของคนในวงการ AI อย่าง Dario Amodei, CEO ของ Anthropic ที่เคยคาดว่า AI อาจกวาดล้างงานระดับเริ่มต้นไปกว่าครึ่ง ตรงนี้ทำให้เห็นภาพว่า AI อาจไม่ได้ทำให้ตลาดแรงงานพังทลายในพริบตา แต่อาจเป็นการค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานไปทีละน้อย
แล้วอะไรล่ะที่ขวางทาง AI ไม่ให้ยึดครองโลกการทำงาน? SHRM ชี้ไปที่ “อุปสรรคที่ไม่ใช่ด้านเทคนิค” (Nontechnical barriers) ซึ่งอันดับหนึ่งคือ “ความพึงพอใจของลูกค้า” James Atkinson รองประธานของ SHRM ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่า ถึงคอมพิวเตอร์จะขับเครื่องบินได้ แต่คงไม่มีผู้โดยสารคนไหนอยากเห็นห้องนักบินว่างเปล่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องข้อกฎหมาย ข้อบังคับ และความคุ้มค่าในการลงทุน ที่ทำให้การใช้ AI ยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร อย่างที่ผลศึกษาจาก MIT พบว่า 95% ของโปรเจกต์นำร่อง AI ในองค์กร ไม่ได้ช่วยประหยัดต้นทุนหรือเพิ่มประสิทธิภาพอย่างที่หวัง
เมื่อเจาะลึกลงไปในแต่ละอาชีพ กลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือสายคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ ซึ่งมีสัดส่วนงานที่ถูกระบบอัตโนมัติแทนที่เกิน 50% และไม่มีอุปสรรคอื่น ๆ มาขวางทางอยู่ถึง 12.8% ตามมาด้วยสถาปัตยกรรม วิศวกรรม และการจัดการ ในทางกลับกัน กลุ่มที่ปลอดภัยหายห่วงคืออาชีพที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนสูงมาก เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ที่มีงานเสี่ยงเพียง 3% เท่านั้น เช่นเดียวกับงานดูแลส่วนบุคคลและบริการสังคม
Atkinson จาก SHRM ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า “อุตสาหกรรมดูแลสุขภาพเป็นหนึ่งในไม่กี่กลุ่มที่ยังมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นทุกเดือน” สะท้อนให้เห็นว่าในยุคที่เทคโนโลยีกำลังก้าวล้ำ ทักษะที่องค์กรต้องการกลับเป็นทักษะการแก้ปัญหาและการเข้าสังคม ดูเหมือนว่าในยุค AI ทักษะการ 'คุยกับคน' อาจจะสำคัญกว่าการ 'คุยกับคอม' ซะแล้วสิ
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้