แบตหมดไว? แชร์ 12 ทริคเด็ด ปรับตั้งค่าง่าย ๆ ยืดอายุแบต Android

Kerry Wan จาก ZDNET แบ่งปัน 12 เคล็ดลับที่สั่งสมจากประสบการณ์ตรงในการปรับตั้งค่ามือถือ Android เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้นทันที โดยไม่ต้องลดทอนประสบการณ์การใช้งาน
Kerry Wan จาก ZDNET ได้ออกมาแชร์เคล็ดลับที่เขาใช้มาเกือบทั้งชีวิตเพื่อรีดประสิทธิภาพแบตเตอรี่มือถือ Android ให้ถึงขีดสุด จากประสบการณ์ที่ต้องใช้แต่มือถือรุ่นประหยัด ทำให้เขาต้องเรียนรู้ที่จะปรับแต่งทุกซอกทุกมุมเพื่อยืดอายุแบตให้ได้นานที่สุด และวันนี้เขาพร้อมจะแบ่งปัน 12 ทริคเด็ดที่ใคร ๆ ก็ทำตามได้ทันที ไม่ว่าคุณจะใช้ Samsung รุ่นล่าสุด หรือ Google Pixel สุดหรู
12 ทริคยืดอายุแบตเตอรี่ Android:
1. ปิด Always-on Display: แม้ค่ายมือถือจะบอกว่าฟีเจอร์นี้กินแบตแค่ 1-2% ต่อชั่วโมง แต่ในชีวิตจริงมันกินเยอะกว่านั้นมาก การเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะอาจไม่คุ้มกับแบตที่เสียไป
วิธีทำ: ไปที่ Settings (ตั้งค่า) > Lock Screen (หน้าจอล็อก) หรือ Display (จอภาพ) แล้วหาเมนู Always On Display เพื่อปิดการใช้งาน
2. เปิด Adaptive Battery: ฟีเจอร์อัจฉริยะที่จะคอยจัดการประสิทธิภาพเครื่องให้เองอัตโนมัติ เมื่อเราใช้งานเบา ๆ เช่น เช็กอีเมล ระบบก็จะลดการทำงานลงเพื่อประหยัดแบต
วิธีทำ: ไปที่ Settings > Battery (แบตเตอรี่) > Adaptive preferences (การตั้งค่าขั้นสูง) แล้วเปิด Adaptive battery
3. เปิดโหมดประหยัดแบต (Battery Saver): โหมดนี้จะช่วยจำกัดเอฟเฟกต์ภาพ, การทำงานเบื้องหลังของแอป, และเปิด Dark mode ให้โดยอัตโนมัติ ในมือถือ Pixel จะมีโหมดโหดกว่าชื่อ Extreme Battery Saver ส่วน Samsung จะเรียกว่า Power Saving mode
วิธีทำ: ไปที่ Settings > Battery > Battery Saver หรือใน Samsung จะอยู่ที่ Settings > Battery and Device Care > Battery แล้วเปิด Power Saving
4. เปลี่ยนไปใช้ Dark Mode: มือถือยุคใหม่ที่ใช้จอ OLED จะได้ประโยชน์เต็ม ๆ เพราะเมื่อแสดงผลสีดำ Pixel จะดับไปเลย ทำให้ประหยัดไฟกว่าจอ LCD ที่มีไฟส่องสว่างตลอดเวลา
วิธีทำ: ไปที่ Settings > Display แล้วเลือก Dark theme (ธีมมืด)
5. ปรับความสว่างและเวลาพักหน้าจอ: เรื่องเบสิกที่หลายคนมองข้าม ลดความสว่างจอลงมาในระดับที่พอใช้งาน และตั้งค่าเวลาดับหน้าจอ (Screen timeout) ให้สั้นลง เช่น ต่ำกว่า 1 นาที จะช่วยประหยัดแบตได้มาก
วิธีทำ: ลากแถบ Quick Settings ด้านบนลงมาเพื่อปรับความสว่าง และไปที่ Settings > Display > Screen timeout เพื่อตั้งเวลา
6. ลบบัญชีที่ไม่ได้ใช้: บัญชีเก่า ๆ ที่เราเคยล็อกอินทิ้งไว้ในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียหรืออีเมล ยังคงมีการ Sync ข้อมูลเบื้องหลังและสูบแบตอยู่เงียบ ๆ
วิธีทำ: ไปที่ Settings > Accounts and backup (บัญชีและการสำรองข้อมูล) หรือ Passwords & accounts (รหัสผ่านและบัญชี) แล้วเลือกลบบัญชีที่ไม่ใช้ออก
7. ปิดเสียงและระบบสั่นของคีย์บอร์ด: ทุกครั้งที่พิมพ์แล้วมีเสียงหรือสั่น นั่นคือการใช้พลังงาน ลองปิดดูแล้วจะรู้ว่าแบตอึดขึ้นเห็น ๆ
วิธีทำ: ไปที่ Settings > Language and input (ภาษาและการป้อนข้อมูล) > On-screen keyboard (แป้นพิมพ์บนหน้าจอ) เลือกคีย์บอร์ดที่คุณใช้ แล้วเข้าไปปิด Sound on Keypress และ Haptic feedback on Keypress
8. ลดการแจ้งเตือน (Notifications): ทุกการแจ้งเตือนหมายถึงแอปต้องทำงานเบื้องหลังเพื่อดึงข้อมูลมาแสดง การปิดแจ้งเตือนแอปที่ไม่จำเป็นจึงช่วยได้มาก
วิธีทำ: ไปที่ Settings > Notifications > App notifications แล้วเลือกปิดการแจ้งเตือนของแอปที่ไม่ต้องการ
9. ปิดคำสั่งเสียง “Hey Google”: การที่มือถือต้องคอยเงี่ยหูฟังคำสั่งเสียง “Hey, Google” ตลอดเวลา ทำให้ไมโครโฟนทำงานอยู่เสมอและกินแบตไม่น้อย ถ้าไม่ค่อยได้ใช้ ก็ปิดไปเลย
วิธีทำ: เปิดแอป Google > แตะรูปโปรไฟล์ > Settings > Google Assistant > Hey Google & Voice Match แล้วปิด “Hey Google”
10. ลด Refresh Rate ของหน้าจอ: จอลื่น ๆ 90Hz หรือ 120Hz ก็ต้องแลกมากับการใช้แบตที่เพิ่มขึ้น การปรับกลับมาใช้ค่ามาตรฐาน 60Hz จะช่วยประหยัดแบตได้มาก แม้ภาพอาจจะดูลื่นไหลน้อยลงนิดหน่อย
วิธีทำ: ไปที่ Settings > Display แล้วหาเมนูที่เกี่ยวกับ Refresh Rate เช่น Smooth Display (Google) หรือ Motion smoothness (Samsung) แล้วปรับเป็น Standard
11. ปิด Wireless Feature ที่ไม่ได้ใช้: หากไม่ได้เชื่อมต่ออุปกรณ์ Bluetooth หรือไม่ได้ใช้ GPS นำทาง การปิดฟีเจอร์เหล่านี้ไว้ก่อนก็เป็นทางเลือกที่ดี
วิธีทำ: ลากแถบ Quick Settings ลงมา แล้วแตะที่ไอคอน Wi-Fi, Bluetooth, หรือ Location เพื่อปิดการใช้งาน
12. ใช้ Low-Power Mode: ทางลัดขั้นสุดยอดที่รวมหลาย ๆ วิธีข้างต้นไว้ในปุ่มเดียว โหมดนี้จะลดความสว่าง, ลด Refresh Rate, และจำกัดการทำงานเบื้องหลังให้ทันที
วิธีทำ: ลากแถบ Quick Settings ลงมา แล้วแตะที่ไอคอนรูปแบตเตอรี่เพื่อเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน
ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กันดู รับรองว่ามือถือ Android ของคุณจะกลับมาแบตอึดขึ้นจนน่าแปลกใจ... แต่ถ้าทำหมดนี่แล้วยังไม่ไหว ก็อาจจะเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเสียเงินซื้อเครื่องใหม่แล้วล่ะมั้ง
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้