ปัญหาสัญญาณ Wi-Fi อับ? แนะวิธีแก้จบ ตั้งแต่เรื่องง่าย ๆ ยันอัปเกรดใหม่

เคยไหมที่สัญญาณ Wi-Fi หายวับไปกับตาในบางมุมของบ้าน? CNET ได้รวบรวมวิธีแก้ปัญหา ‘จุดอับสัญญาณ’ แบบครบวงจร ตั้งแต่วิธีง่าย ๆ ที่ทำได้ฟรี ไปจนถึงการอัปเกรดอุปกรณ์ให้ทันโลก
เคยไหมที่กำลังใช้โน้ตบุ๊กหรือมือถือเพลิน ๆ แล้วสัญญาณ Wi-Fi ก็หลุดหายไปดื้อ ๆ เมื่อเดินไปบางมุมของบ้าน? อาการแบบนี้เรียกว่า ‘จุดอับสัญญาณ’ (Wi-Fi dead spot) ซึ่งเป็นปัญหาคลาสสิกที่ทุกบ้านต้องเจอ และสร้างความหงุดหงิดไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อจุดนั้นเป็นที่ที่เราต้องใช้งานบ่อย ๆ
ที่น่าสนใจคือ ผลสำรวจล่าสุดจาก CNET พบว่าชาวอเมริกันกว่า 63% เจอปัญหาค่าอินเทอร์เน็ตที่แพงขึ้น สวนทางกับคุณภาพสัญญาณที่หลายคนบ่นอุบในเว็บบอร์ดอย่าง Reddit ว่าต่อให้จ่ายแพงแค่ไหน ก็ยังเจอปัญหาจุดอับสัญญาณอยู่ดี
แล้วจะหาจุดอับสัญญาณเจอได้อย่างไร? Joe Supan ผู้สื่อข่าวอาวุโสของ CNET แนะนำวิธีที่ง่ายที่สุดคือ ‘การทดสอบความเร็ว’ (Speed test) แค่หยิบมือถือขึ้นมาแล้วเดินไปตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน แล้วลองทดสอบความเร็วด้วยแอปอย่าง Ookla, Fast หรือ M-Lab ถ้าความเร็วตกฮวบเมื่อเทียบกับจุดอื่น ก็ใช่เลย! คุณเจอจุดอับแล้ว
สำหรับสายลึกที่อยากเห็นภาพรวมชัด ๆ Dhruv Bhutani นักเขียนด้าน Smart Home แนะนำให้ใช้แอปวิเคราะห์ Wi-Fi อย่าง Netspot หรือ Fing เพื่อดู ‘ความแรงของสัญญาณ’ ที่เรียกว่า RSSI (Received Signal Strength Indicator) โดยค่านี้จะวัดเป็น dBm ยิ่งเลขใกล้ 0 ยิ่งดี เช่น -30 dBm คือสัญญาณแรงมาก แต่ถ้าลงไปถึง -70 หรือ -80 dBm ก็เริ่มอ่อนจนแทบใช้การไม่ได้แล้ว
เมื่อเจอตัวแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการแก้ไข ซึ่งบางทีก็ง่ายกว่าที่คิด เริ่มจากการ ‘จัดตำแหน่ง Router ใหม่’ ใครที่ชอบซุก Router ไว้หลังทีวีหรือในซอกหลืบเพื่อความสวยงาม อาจต้องคิดใหม่ เพราะตำแหน่งที่ดีที่สุดคือกลางบ้าน สูงจากพื้นเล็กน้อย และห่างจากกำแพงหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ถ้า Router ของคุณมีเสาอากาศ ลองปรับทิศทางดูสักหน่อย (แนะนำให้ชี้ไปคนละทาง เช่น อันหนึ่งแนวตั้ง อีกอันแนวนอน) หรือจะลองวิธีสุดคลาสสิกอย่างการ ‘Reboot’ แค่ถอดปลั๊ก รอ 30 วินาที แล้วเสียบใหม่ ก็ช่วยแก้ปัญหาจุกจิกได้ถึง 90% เลยทีเดียว
ถ้าลองทุกวิธีแล้วยังไม่ดีขึ้น ก็อาจถึงเวลาที่ต้องเสียเงินอัปเกรดอุปกรณ์กันบ้าง Joe Supan บอกว่าต้นตอของปัญหาส่วนใหญ่มักมาจาก ‘Router ที่ตกรุ่น’ เพราะต่อให้เน็ตแรงแค่ไหน แต่ถ้า Router ไม่ไหว ก็ไปไม่รอดอยู่ดี โดยทั่วไปแนะนำให้อัปเกรดทุก ๆ 5 ปี หรือเร็วกว่านั้นถ้าบ้านคุณมีอุปกรณ์เชื่อมต่อเยอะ
สำหรับการขยายสัญญาณ CNET ได้เปรียบเทียบระหว่าง Wi-Fi Extender และ Mesh Network ไว้ดังนี้:
Wi-Fi Extender: เหมาะกับบ้านขนาดเล็กและคนงบจำกัด ทำหน้าที่รับสัญญาณมาแล้วปล่อยต่อไปตรง ๆ รุ่นที่ CNET แนะนำคือ Linksys RE7310 ราคาประมาณ US$80 (≈ 2,920 บาท) หรือตัวเลือกที่ประหยัดลงมาอย่าง TP-Link RE220 ที่ราคาไม่ถึง US$15 (≈ 550 บาท)
Mesh Network: เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับบ้านหลายชั้นหรือพื้นที่กว้าง ๆ ระบบนี้จะใช้ Router หลายตัวทำงานร่วมกันเพื่อสร้างเครือข่ายเดียวที่ครอบคลุมทั้งบ้านอย่างไร้รอยต่อ CNET แนะนำ Eero 6 Plus แบบ 3 ชิ้น ที่ราคาไม่เกิน US$200 (≈ 7,300 บาท)
เพียงเท่านี้ ปัญหาจุดอับสัญญาณที่เคยน่ารำคาญก็น่าจะหายไปจากชีวิตได้ไม่ยาก... หรืออย่างน้อยก็จนกว่าจะมีอุปกรณ์ใหม่ ๆ มาให้เราต้องปวดหัวอีกรอบนั่นแหละ
*หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้คำนวณคือ US$1 ≈ 36.5 บาท
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้