รายงานใหม่ฟันธง โลกสู้โลกร้อนช้าเกินไป ไฟแดงเตือนแทบทุกระบบ

รายงานล่าสุดจากกลุ่มพันธมิตรด้านสภาพอากาศเผยว่า ความพยายามต่อสู้กับภาวะโลกร้อนทั่วโลกยังช้าเกินไปอย่างน่าเป็นห่วง แม้จะมีความก้าวหน้าในบางจุด แต่ภาพรวมยังคงน่ากังวลและเสี่ยงที่จะไม่บรรลุเป้าหมาย Paris Agreement
กลุ่มพันธมิตรองค์กรด้านสภาพอากาศออกรายงานใหม่ชี้ว่า ความพยายามในการต่อสู้กับปัญหาโลกร้อนในภาพรวมยังคง “ช้าเกินไป” อย่างน่าใจหาย และในบางกรณีถึงขั้นถอยหลังเข้าคลอง สวนทางกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในข้อตกลง Paris Agreement อย่างสิ้นเชิง
รายงานฉบับนี้วิเคราะห์ตัวชี้วัดทั้งหมด 45 ด้านของเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมโลก ตั้งแต่การใช้ถ่านหินไปจนถึงการบริโภคเนื้อสัตว์ และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ทำเอาหลายคนหน้าเครียด เพราะไม่มีตัวชี้วัดไหนเลยที่ “ไปได้สวย” ตามเป้าหมายที่จะจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส โดยมีถึง 30 ตัวชี้วัดที่ “หลุดเป้าไปไกล” และอีก 5 ตัวชี้วัดที่กำลัง “เดินผิดทิศผิดทาง” อย่างน่าเป็นห่วง Clea Shumer นักวิจัยจาก World Resources Institute ถึงกับบอกว่า “ทุกระบบกำลังกะพริบไฟแดงเตือน”
หนึ่งในตัวปัญหาหลักที่ถูกจับตามองคือ “ถ่านหิน” แม้สัดส่วนการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกจะลดลงเล็กน้อยในปี 2024 แต่ปริมาณการใช้โดยรวมกลับพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในจีนและอินเดีย รายงานชี้ว่าโลกต้องเร่งสปีดการเลิกใช้ถ่านหินให้เร็วขึ้นถึง 10 เท่า หรือเทียบเท่ากับการปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดกลางกว่า 360 แห่งทุกปี
ที่น่าผิดหวังไปกว่านั้นคือ “รถยนต์ไฟฟ้า (EV)” ที่เคยเป็นดาวเด่นในรายงานปี 2023 เพราะมียอดขายพุ่งกระฉูด แต่ล่าสุดกลับแผ่วลงในตลาดสำคัญอย่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ทำให้สถานะถูกปรับลดจาก “เป็นไปตามเป้า” มาเป็น “หลุดเป้า” แม้ว่าในตลาดจีนจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวร้ายก็ยังมีแสงสว่างอยู่บ้าง โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด มีการติดตั้งเพิ่มขึ้นทั่วโลกถึง 33% ในปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากพี่ใหญ่อย่างจีนอีกเช่นเคย นอกจากนี้ การลงทุนด้านสภาพอากาศจากภาคเอกชน (Private climate finance) ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจนถูกปรับสถานะจาก “หลุดเป้าไปไกล” มาเป็น “หลุดเป้า” แต่ในทางกลับกัน เงินสนับสนุนจากภาครัฐของประเทศร่ำรวยไปยังประเทศกำลังพัฒนา ยังคงอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในสหรัฐฯ ก็ดูจะยิ่งซ้ำเติมปัญหา เมื่อประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศถอนตัวจากข้อตกลง Paris Agreement อีกครั้ง พร้อมทั้งโจมตีเรื่องโลกร้อนว่าเป็น “เรื่องหลอกลวง” และเดินหน้านโยบายสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลเต็มสูบ สวนทางกับความพยายามของนานาชาติอย่างชัดเจน ก็คงต้องลุ้นกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้วพลังของเศรษฐกิจที่มองว่าเทคโนโลยีสะอาดคือ “ธุรกิจที่น่าลงทุน” จะเอาชนะเกมการเมืองได้หรือไม่
ความเห็น (0)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น
เข้าสู่ระบบยังไม่มีความเห็น
เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้