วิจัยชี้ WFH แบบ Hybrid ดีต่อใจผู้หญิงที่สุด ส่วนผู้ชายแทบไม่ส่งผล

การทำงานแบบ Work From Home (WFH) กลายเป็น New Normal ที่หลายคนขาดไม่ได้ แต่คำถามที่ยังค้างคาใจคือ "มันดีต่อสุขภาพจิตจริงไหม?" ล่าสุดนักวิจัยจากออสเตรเลียได้คำตอบที่น่าสนใจจากการวิเคราะห์ข้อมูลพนักงานกว่า 16,000 คน ตลอดระยะเวลา 20 ปี (โดยตัดช่วงวิกฤตโควิดออกเพื่อความแม่นยำ) และผลลัพธ์ที่ได้อาจทำให้หนุ่มๆ สาวๆ ชาวออฟฟิศต้องหันมามองตารางงานตัวเองใหม่ครับ

ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ "ผู้หญิง" ครับ ผลวิจัยพบว่ารูปแบบการทำงานที่ดีต่อใจที่สุดคือ Hybrid Working แบบเน้นทำที่บ้านเป็นหลัก แต่ยังแวะเข้าออฟฟิศสัก 1-2 วันต่อสัปดาห์ การจัดตารางแบบนี้ช่วยบูสต์สุขภาพจิตได้เทียบเท่ากับการที่รายได้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นถึง 15% เลยทีเดียว โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพจิตอยู่เดิม การได้รับความยืดหยุ่นตรงนี้ช่วยลดความเครียดและจัดการสมดุลชีวิต (Work-Life Balance) ได้ดีกว่าการเข้าออฟฟิศทุกวันอย่างเห็นได้ชัด

ตัดภาพมาที่ฝั่ง "ผู้ชาย" กลับกลายเป็นหนังคนละม้วน การ WFH แทบไม่ส่งผลต่อกราฟสุขภาพจิตในทางสถิติ ไม่ว่าจะทำมากหรือน้อย แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะสิ่งที่บั่นทอนหนุ่มๆ ได้อย่างจังคือ "ระยะเวลาเดินทาง" (Commuting) โดยเฉพาะกลุ่มที่มีภาวะสุขภาพจิตเปราะบางอยู่แล้ว การต้องเสียเวลาเดินทางเพิ่มขึ้นแค่วันละ 30 นาที (ขาเดียว) อาจส่งผลลบต่อจิตใจเทียบเท่ารายได้หายไป 2% ซึ่งนักวิจัยมองว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเครือข่ายสังคมของผู้ชายมักผูกติดอยู่กับที่ทำงานมากกว่าฝ่ายหญิงครับ

บทสรุปของเรื่องนี้คือ "One size does not fit all" นโยบายบังคับเข้าออฟฟิศ 100% หรือไล่กลับไปทำที่บ้านทั้งหมดอาจไม่ใช่คำตอบ โดยเฉพาะกับพนักงานที่มีความเครียดสะสม การให้อิสระในการเลือกสถานที่ทำงานจึงเป็น Win-Win Solution ที่ดีที่สุด ส่วนใครที่นายจ้างยังไม่เก็ท อาจต้องลองเอางานวิจัยนี้ไปแปะหน้าห้องบอสดู เผื่อจะได้โควตา WFH เพิ่มขึ้นอีกสักวันสองวันนะครับ