กองทัพสหรัฐฯ ผุดโปรเจกต์สอดแนมดวงจันทร์ หวั่นภัยคุกคามในยุค Space Race ใหม่

ในขณะที่ดวงจันทร์กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิแห่งใหม่ของการแข่งขันด้านอวกาศ กองทัพสหรัฐฯ ก็ไม่รอช้า ประกาศหาเทคโนโลยีใหม่เพื่อติดตามยานอวกาศและวัตถุต่าง ๆ ที่บินเข้า-ออก หรือโคจรอยู่ใกล้ดวงจันทร์ โดยหน่วยงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศขั้นสูง หรือ DARPA ได้เริ่มโครงการนี้เพื่ออุดช่องโหว่ด้านความมั่นคงในอวกาศแล้ว

ปัจจุบัน ระบบติดตามส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาเพื่อเฝ้าระวังดาวเทียมในวงโคจรใกล้โลก (Low Earth Orbit) ไปจนถึงวงโคจรค้างฟ้า (Geosynchronous Orbit) เท่านั้น ทำให้พื้นที่อันกว้างใหญ่ระหว่างโลกกับดวงจันทร์ หรือที่เรียกว่า Cislunar Space (พื้นที่อวกาศภายใต้อิทธิพลแรงโน้มถ่วงของทั้งโลกและดวงจันทร์) กลายเป็นจุดบอดที่น่ากังวล และเมื่อกิจกรรมเชิงพาณิชย์, ภาครัฐ หรือแม้แต่การทหารในบริเวณนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ และจีนเอง รัฐบาลสหรัฐฯ จึงมองว่าถึงเวลาต้องมีดวงตาที่มองได้ไกลกว่าเดิม

โครงการนี้มีชื่อเท่ ๆ ว่า Track at Big Distances with Track-Before-Detect (TBD2) มีเป้าหมายเพื่อ "เพิ่มขีดความสามารถในการเตือนภัยล่วงหน้า" ให้กับหน่วยงานทั้งฝ่ายความมั่นคงและพลเรือน สำหรับติดตาม "ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น" และวัตถุที่น่าสนใจซึ่งมาจากหรือเคลื่อนที่ผ่าน Cislunar Space แม้จะไม่ได้ระบุชัด ๆ ว่าภัยคุกคามที่ว่าคืออะไร แต่การประกาศนี้ก็เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เข้มข้น เพื่อแย่งชิงตำแหน่งชาติแรกที่ส่งมนุษย์กลับไปเหยียบดวงจันทร์ในศตวรรษที่ 21

สำหรับเทคโนโลยีที่ DARPA มองหา คือการพัฒนา Software Algorithm ที่จะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ออปติคัลบนยานอวกาศ เพื่อประมวลผลและติดตามวัตถุที่แสงริบหรี่ได้ไกลถึง 1.4 ล้านไมล์ (ราว 2 gigameters) ภายในไม่กี่ชั่วโมง โดยต้องการPayload 2 รูปแบบ คือแบบที่ติดตั้ง ณ จุด Lagrange Point 1 (จุดสมดุลทางแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์) และอีกแบบที่สามารถวางไว้นอกวงโคจร GEO/Cislunar ได้ ซึ่งจะทำให้สามารถตรวจจับวัตถุขนาดเล็กเพียง 10-20 เซนติเมตร จากระยะไกล 200,000-400,000 กิโลเมตรได้เลยทีเดียว

ที่น่าสนใจคือ DARPA ไม่ได้ลุยเรื่องนี้คนเดียว ยังมีหน่วยงานอย่าง U.S. Space Force และ Air Force Research Laboratory (AFRL) ที่กำลังทดสอบเทคโนโลยีขับเคลื่อนใหม่ ๆ เพื่อสร้างยานอวกาศที่สามารถ "สร้างการรับรู้สถานการณ์ใน Cislunar Space ได้อย่างต่อเนื่อง" เช่นกัน

ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้สะท้อนความกังวลของสหรัฐฯ ที่อาจจะพ่ายแพ้ในสงครามอวกาศครั้งใหม่ โดย Jim Bridenstine อดีตผู้บริหาร NASA เคยเตือนวุฒิสภาว่า "เป็นไปได้ยากมากที่สหรัฐฯ จะเอาชนะไทม์ไลน์ที่จีนวางไว้" ขณะที่จีนตั้งเป้าส่งนักบินอวกาศไปดวงจันทร์ในปี 2030 ส่วนภารกิจ Artemis 3 ของ NASA ที่ตั้งเป้าไว้กลางปี 2027 ก็เผชิญกับความล่าช้ามาตลอด... งานนี้คงต้องลุ้นกันว่าเทคโนโลยีสอดแนมจะเสร็จทันใช้ก่อนใครจะปักธงบนดวงจันทร์ได้ก่อนกัน หรือมันอาจจะถูกสร้างมาเพื่อจับตาดูคนที่ไปถึงก่อนก็ได้ ใครจะไปรู้