Meta และ Google ชะลอโครงการเคเบิลใต้น้ำยักษ์ใหญ่ เหตุความไม่สงบในทะเลแดง

Meta และ Google สองยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีต้องกุมขมับ เมื่อโครงการวางสายเคเบิลใต้น้ำที่วาดฝันไว้ต้องสะดุดลงชั่วคราว โดยโฆษกของ Meta ชี้ว่าเป็นเพราะ "ปัจจัยการดำเนินงาน, ข้อกังวลด้านกฎระเบียบ และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์" ซึ่งกระทบแผนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในหลายภูมิภาค

โครงการที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ คือ 2Africa ของ Meta ที่ตั้งเป้าจะลากสายเคเบิลใยแก้วนำแสงระยะทางกว่า 28,000 ไมล์ ล้อมรอบทวีปแอฟริกาและเชื่อมต่อไปยังยุโรปกับเอเชีย ซึ่งประกาศมาตั้งแต่ปี 2020 แต่กลับต้องมาติดขัดช่วงที่ต้องลากสายผ่านตอนใต้ของทะเลแดง เนื่องจากความขัดแย้งในภูมิภาคและปัญหาการขอใบอนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่น

ด้านโครงการ Blue-Raman ที่มี Google หนุนหลังก็ชะงักในพื้นที่เดียวกัน โครงการนี้เดิมทีมีแผนจะเปิดใช้งานในปี 2024 เพื่อเชื่อมต่อฝรั่งเศส, อิตาลี, อินเดีย, อิสราเอล, จอร์แดน, ซาอุดีอาระเบีย และโอมาน แต่ตอนนี้ก็ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเช่นกัน

ที่น่าสนใจคือ ปัญหาไม่ได้เกิดแค่กับสองบริษัทนี้ แต่โครงการเคเบิลใยแก้วนำแสงอีกหลายเส้นในทะเลแดงก็เจอปัญหาเดียวกัน ผู้ก่อสร้างต้องเผชิญกับการโจมตีด้วยขีปนาวุธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่ม Houthi ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ทำให้การทำงานต้องหยุดชะงักและต้องอ้อมไปใช้เส้นทางอื่นที่ยาวไกลกว่าเดิม

Alan Mauldin ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจากบริษัทโทรคมนาคม Telegeography ให้ความเห็นว่า สถานการณ์นี้ทำให้บริษัทต่าง ๆ เจ็บสองต่อ คือ "ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถสร้างรายได้จากการลงทุนในเคเบิลเหล่านี้ได้ แต่ยังถูกบังคับให้ต้องไปซื้อ Capacity (ความจุของสัญญาณ) จากเคเบิลเส้นอื่นเพื่อตอบสนองความต้องการในระยะสั้น" อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกโครงการที่จะได้รับผลกระทบ ยังมีโครงการเคเบิลใต้น้ำอื่น ๆ ของทั้ง Google และ Meta ที่ไม่ได้ลากผ่านทะเลแดง เช่น โครงการของ Google ที่เชื่อมต่อโตโกกับยุโรป และโครงการเคเบิลยักษ์ใหญ่ของ Meta ที่เชื่อมต่อ 5 ทวีป ซึ่งยังคงเดินหน้าต่อไปได้... งานนี้ก็ต้องบอกว่าการจะเชื่อมโลกทั้งใบด้วยอินเทอร์เน็ต ไม่ได้มีแค่อุปสรรคทางเทคนิค แต่ต้องลุ้นกับสถานการณ์โลกที่คาดเดายากอีกด้วย