ข้ามไปยังเนื้อหา

อดีตพนักงานแฉ Meta ยอมให้ผิดกฎค้ามนุษย์ 16 ครั้งก่อนแบน

เทคโนโลยี
1 ครั้ง
0 ความเห็น
3 นาที
อดีตพนักงานแฉ Meta ยอมให้ผิดกฎค้ามนุษย์ 16 ครั้งก่อนแบน
Photo by Shutter Speed on Unsplash
By Suphansa Makpayab
TL;DR

เอกสารศาลเผยคำให้การอดีตหัวหน้าความปลอดภัย Meta แฉบริษัทเคยมีนโยบายยอมให้บัญชีทำผิดกฎค้ามนุษย์ได้ถึง 16 ครั้งก่อนจะถูกแบนในครั้งที่ 17 พร้อมระบุว่าบริษัทเลือก Engagement สำคัญกว่าความปลอดภัย ทั้งเรื่องการไม่ทำปุ่มรายงาน CSAM เพราะงานเยอะเกินไป และไม่ยอมซ่อน Like หรือลบฟิลเตอร์แต่งรูปเพราะกลัวยอดตก ด้าน Meta ปฏิเสธบอกว่าเป็นการตัดตอนคำพูดมาโจมตี

กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำเอาหลายคนต้องเลิกคิ้ว เมื่อเอกสารทางกฎหมายที่ไม่มีการปิดบังข้อมูล (Unredacted court filing) จากคดีฟ้องร้องเรื่องความปลอดภัยของเด็ก ได้เปิดเผยคำให้การของ Vaishnavi Jayakumar อดีตหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยและสุขภาวะของ Meta ที่ระบุว่าบริษัทเคยมีนโยบายยอมให้บัญชีผู้ใช้งานทำผิดกฎร้ายแรงอย่างการ "ค้ามนุษย์เพื่อประเวณี" (Sex Trafficking) ได้ถึง 16 ครั้ง ก่อนที่จะถูกระงับบัญชีในการทำผิดครั้งที่ 17

Vaishnavi ให้การว่าตัวเลข 16 ครั้งนี้ถือเป็นเกณฑ์ที่ "สูงมาก" เมื่อเทียบกับมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งทนายความฝั่งโจทก์อ้างว่ามีเอกสารภายในยืนยันนโยบายนี้ด้วย ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือมีการอ้างว่า Meta เลือกที่จะเมินเฉยต่อปัญหาความปลอดภัย หากการแก้ไขนั้นจะไปกระทบกับยอด Engagement ของแพลตฟอร์ม

ในเอกสารยังระบุอีกว่า Instagram ไม่มีช่องทางเฉพาะให้ผู้ใช้รายงานเนื้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็ก (CSAM) ซึ่งเมื่อ Vaishnavi เสนอเรื่องนี้ กลับได้รับคำตอบว่า "มันเป็นงานที่เยอะเกินไป" ที่จะสร้างระบบและต้องมานั่งตรวจสอบรายงานเหล่านั้น

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องที่ Meta เคยพิจารณาจะปรับบัญชีของวัยรุ่นให้เป็น Private (ส่วนตัว) ตั้งแต่ปี 2019 เพื่อความปลอดภัย แต่ทีม Growth คัดค้านเพราะกลัวว่าจะไปทำลายยอด Engagement (Smash engagement) รวมถึงเรื่องการซ่อนยอด Like และการนำ Beauty Filters ออก ทั้งที่รู้ว่าฟีเจอร์เหล่านี้ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและความมั่นใจในรูปร่างของเด็กสาว แต่บริษัทก็เลือกที่จะเก็บไว้เพราะกลัวตัวเลขผู้ใช้งานจะลดลงหากคนหนีไปใช้แอปอื่น

ทางด้าน Andy Stone โฆษกของ Meta ได้ออกมาโต้แย้งผ่านอีเมลถึง The Verge ว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นการ "เลือกหยิบยกคำพูดบางส่วนมาโจมตี" (Cherry-picked) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ผิดเพี้ยน และยืนยันว่าบริษัทรับฟังพ่อแม่และวิจัยเรื่องความปลอดภัยของวัยรุ่นมาตลอดกว่าทศวรรษ พร้อมยกตัวอย่างฟีเจอร์ Teen Accounts ที่เพิ่งเปิดตัวไป

ฟังดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า เส้นบาง ๆ ระหว่าง "ความปลอดภัยของผู้ใช้" กับ "ตัวเลขการเติบโตของบริษัท" ดูเหมือนฝ่ายหลังจะมีน้ำหนักมากกว่าเสมอในโลกของโซเชียลมีเดีย หรือนี่จะเป็นราคาที่ต้องจ่ายแลกกับการใช้งานฟรีกันแน่

ความเห็น (0)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความเห็น

เข้าสู่ระบบ

ยังไม่มีความเห็น

เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นในบทความนี้